ไหว้พระ 9 วัดอยุธยา เดินทางง่าย วันเดียวเอาอยู่!

วัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอยุธยา ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยพระรามธิปดีที่ 1 แต่เดิมชื่อ ‘วัดป่าแก้ว’ และเปลี่ยนเป็นชื่อ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ เมื่อสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งพระองค์ได้รับชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชพม่า โดยมีเจดีย์ชัยมงคล ประดิษฐานเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ก่อนเป็นวัดร้างและได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ช่วงต้นรัตนโกสินทร์

โดยวัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะวัดใหญ่ชัยมงคลทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน เป็นโบราณสถานที่หลาย ๆ คนสนใจศึกษา

โบราณสถานของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2484 ชื่อวัดมาจากพื้นที่จัดตั้งบนเนินสูงมีความหมายตามภาษาบาลีว่าภูเขา โดย ‘มเหยงค์’ มาจากคำบาลี ‘มหิยังคณ์’ สร้างขึ้นโดย พระนางกัลยาณี มเหสีของพระเจ้าธรรมราชา และครั้งหนึ่งเคยเป็นวัดร้างในช่วงเสียกรุงศรีฯ ครั้งที่ 2 นอกจากนี้ยังมี ‘เจดีย์ช้างล้อม’ ข้างในอุโบสถมีหลวงพ่อหินทราย และข้อสันนิฐานที่ว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นพลับพลาที่ประทับของกษัตริย์แห่งพม่า พระเจ้าหงสาวดี ‘พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้’ อีกด้วย

โดยปัจจุบันวัดมเหยงคณ์เป็นสำนักปฏิกรรมฐาน บวชนักขัมมะถือศีล 8 ยอดนิยมแห่งหนึ่งไปแล้ว มีการจัดอบรมวิปัสสนา และมีผู้คนไปปฏิบัติธรรมจำนวนมาก

1 ใน 5 วัดหลักสมัยกรุงศรีฯ ที่มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นมากมาย เป็น ‘วัดพระยาคลัง’ ที่มีชื่อเสียงสมัยพระนารายณ์ ซึ่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์จาก ’พระยาโกษาธิบดีเหล็ก’ และ ’พระยาโกษาธิบดีปาน’ ในขณะนั้น ทั้งยังเป็นที่พระราชทานเพลิงศพ ‘เจ้าแม่วัดดุสิต’ พระมารดาของโกษาเหล็กและโกษาปาน พระแม่นมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอีกด้วย เดิมแล้ววัดนี้ชื่อว่า ‘วัดสมโณโกฏิ’ เคยเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าบรมราชาทรงผนวช ก่อนจะเสด็จไปประทับอารามวัดป่าหลวงจวบจนสิ้นอายุขัย

วัดสมณโกฏฐารามยังมีพระภิกษุจำพรระษาอยู่ ยังมีพระปรางค์ขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายเลียนแบบเจดีย์เจ็ดยอดเชียงใหม่ พระอุโบสถเก่าแก่ก่ออิฐที่อยู่มาอย่างยาวนาน และเจดีย์ระฆังตั้งขั้นกลางทั้งสอง

วัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุใต้ฐานพระปรางค์ประธาน ใช้จัดพิธีรีตองต่าง ๆ เพราะเป็นศูนย์กลางของเมืองและเป็นวัดสวยงามแห่งหนึ่งของอยุธยา เป็นจุดตั้งพลสำคัญทางเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อย่างการยกพลเข้าจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ของพระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์ โดยวัดมหาธาตุ สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 - สมัยสมเด็จพระราเมศวร เป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสี

จุดเด่นของวัดมหาธาตุ อาทิ

วัดสำคัญแห่งหนึ่ง เป็นวัดต้นแบบและเปรียบเหมือนวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว เพราะมีการจัดพิธีถือน้ำพิพัฒสัตยาที่นี่ ปีละ 2 ครั้ง ตั้งในเขตพระราชวังเดิมของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ก่อนจะถูกยกเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสำหรับพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ ไม่มีพระสงฆ์จำวัด จำพรรษา

วัดพระศรีสรรเพชญ์มีเจดีย์ 3 องค์ที่เลื่องชื่อ บ้างเรียกว่า ‘เจดีย์สามพี่น้อง’ โดยองค์แรกบรรจุพระอัฐิของสมเด็กพระบรมไตรโลกนาถ องค์ที่สองบรรจุพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และองค์ที่สามบรรจุพระอัฐิสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นับว่าเป็นโบราณสถานที่สวยงาม โด่งดังและเต็มไปด้วยความขลัง

วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 ตามแบบสถาปัตยกรรมปราสาทนครวัดในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระราชมารดาและเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวก โดยมีพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุเป็นปรางค์ประธาน และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานรวม 120 องค์ ณ ระเบียงคต ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากเพราะเป็นวัดบำเพ็ญพระราชกุศลสำคัญของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์

นักท่องเที่ยวมักมากราบไหว้พระประธานในพระอุโบสถและพระปรางค์ใหญ่ เพื่อขอพรให้ชีวิตพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคล ขจัดอุปสรรคในชีวิต ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การศึกษา และมีชัยตามความหมายของวัดที่เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ

และแม้จะวัดพุทไธศวรรย์จะอายุเกือบ 700 ปีแล้วแต่ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยน มีปรางค์ ‘พระมหาธาตุ’ ขนาดใหญ่สีขาว สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมขอมเป็นปรางค์พระประธาน ทั้งยังมีจิตรกรรมเก่าแก่สมัยอยุธยาหลงเหลืออยู่ ซึ่งนับว่าหายากมากในปัจจุบัน มีพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ขอพรเมตตามหานิยม เจริญในหน้าที่การงาน และพระพุทธรูปปางมารวิชัย ‘หลวงพ่อดำ’ มักขอพรให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย นอกจากนี้ยังมีองค์พ่อจตุคามรามเทพ พระอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ให้สักการะ