เผยแพร่ใน ย่านน่าอยู่

เจาะ 5 ทำเลคอนโดกรุงเทพฯ ปี 2568 น่าลงทุน อยู่ง่าย ปล่อยเช่าคุ้ม

วันที่เผยแพร่: 9 พ.ค. 2025 เวลา 11:48

ในปี 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และผู้ที่มองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนปล่อยเช่า โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความคุ้มค่าในการลงทุนก็คือ “ทำเล” ซึ่งมีผลต่อทั้งราคาซื้อ - ขาย และค่าเช่ารายเดือน รวมถึงค่า Gross Rental Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากการเช่ารายปีเบื้องต้นเมื่อเทียบกับราคาคอนโด

เจาะ 5 ทำเลคอนโดกรุงเทพฯ ปี 2568 น่าลงทุน อยู่ง่าย ปล่อยเช่าคุ้ม

จากรายงานล่าสุดของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า มี 5 ทำเลน่าลงทุนคอนโดในกรุงเทพฯ ปี 2568 ยังคงครองตำแหน่งทำเลทองที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Gross Rental Yield) และแนวโน้มการเติบโตของราคาทรัพย์สิน ทำให้ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์

5 ทำเลน่าลงทุนคอนโดในกรุงเทพฯ ปี 2568

1. พระราม 9 - เพชรบุรี - อโศก

New CBD ที่โตไม่หยุด

โซน พระราม 9 - เพชรบุรี - อโศก ได้รับการยกย่องว่าเป็น "New CBD" ของกรุงเทพฯ เนื่องจากการพัฒนาและการเติบโตที่รวดเร็วในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของ อาคารสำนักงาน ที่มีความหนาแน่นสูง, ห้างสรรพสินค้า และ ศูนย์การค้า ซึ่งเป็นแหล่งรวมของทั้งการช้อปปิ้งและความบันเทิงสำหรับคนเมือง รวมถึงระบบ ขนส่งสาธารณะที่ครบครัน ที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบาย เช่น รถไฟฟ้า MRT และการเชื่อมต่อที่ง่ายดายกับเส้นทางหลักอื่นๆ ของเมือง ทำให้ย่านนี้เป็นทำเลที่มีความสะดวกทั้งสำหรับการอยู่อาศัยและการทำงาน

Gross Rental Yield ในปี 2568 ของโซนนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.8% ซึ่งสูงกว่าค่าเช่าในหลายโซนอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ นี่เป็นการสะท้อนถึงความต้องการที่สูงจากทั้งผู้ที่ต้องการเช่าคอนโดเพื่ออยู่อาศัยและนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการสร้างรายได้จากการปล่อยเช่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้เช่าที่เป็นคนทำงานในย่านนี้ที่มีความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันรอบด้าน

ทั้งนี้ การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, สถานีรถไฟฟ้า, และการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า รวมถึงโครงการ Mixed-Use ที่มีทั้งพื้นที่สำนักงาน, คอนโดมิเนียม, และร้านค้าต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนในพื้นที่นี้ และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

การเติบโตของพื้นที่ทำให้ผู้ลงทุนเห็นถึงโอกาสที่ดีในการซื้อหรือเช่าคอนโดในทำเลนี้ โดยไม่เพียงแต่ได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่าเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มมูลค่าทรัพย์สินที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

2. ลาดพร้าว - รัชโยธิน

ศูนย์กลางเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย

ย่านลาดพร้าว - รัชโยธิน กำลังกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคมนาคมใหม่ของกรุงเทพฯ ด้วยการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ได้แก่ BTS สายสีเขียว (หมอชิต - คูคต), MRT สายสีน้ำเงิน และ MRT สายสีเหลือง ทำให้การเดินทางเข้าเมืองและออกนอกเมืองเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังย่านอโศก สุขุมวิท หรือแม้แต่สนามบินดอนเมือง

พื้นที่นี้ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์, เมเจอร์รัชโยธิน, อาคารสำนักงานหลายแห่ง รวมถึงสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เช่น ม.เกษตรศาสตร์ และม.ราชภัฏจันทรเกษม ทำให้มีดีมานด์จากผู้เช่าที่อยู่อาศัยสูง โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศ

Gross Rental Yield เฉลี่ยในย่านนี้อยู่ที่ประมาณ 4.7% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับทำเลอื่นที่มีระดับราคาคล้ายกัน จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคง และมีโอกาสเติบโตของมูลค่าทรัพย์ในระยะยาว

3. เอกมัย - ทองหล่อ

ทำเลหรูที่ยังแรงต่อเนื่อง

ย่านทองหล่อ ถือเป็นหนึ่งในทำเลศักยภาพระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลุดจากเรดาร์ของนักลงทุน ทั้งจากในประเทศและต่างชาติ ด้วยบรรยากาศแบบ High-end Lifestyle ที่รายล้อมไปด้วยคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี, ร้านอาหารชื่อดัง, บาร์และคาเฟ่สุดฮิป ไปจนถึงคลินิกความงามและสปาระดับพรีเมียม จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาคอนโดในพื้นที่นี้จะมีราคาขายเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 250,000 บาท/ ตร.ม.

อย่างไรก็ตาม โซนนี้ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ดี ด้วยอัตรา Gross Rental Yield อยู่ที่ประมาณ 4 - 5% ซึ่งถือว่าสูงสำหรับทำเลที่ราคาขายอยู่ในระดับสูง โดยผู้เช่าส่วนใหญ่คือกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย ผู้บริหารระดับสูง ไปจนถึงกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อและต้องการไลฟ์สไตล์แบบครบจบในที่เดียว

ส่วนฝั่ง เอกมัย ซึ่งอยู่ติดกับทองหล่อ ก็เป็นอีกทำเลที่น่าจับตามอง เพราะยังคงได้อานิสงส์จากทองหล่อโดยตรง ทั้งในแง่ของบรรยากาศ การเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก แต่มี ราคาคอนโดที่เริ่มต้นต่ำกว่า ทำให้มีโอกาสในการเติบโตของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อเก็บผลตอบแทนระยะยาว หรือจับตลาดผู้เช่ากลุ่มคนทำงานระดับกลางถึงสูงที่ต้องการทำเลใจกลางเมืองในราคาที่ยังเอื้อมถึง

4. รัชดา - ห้วยขวาง

ย่านสุดฮอตของชาวจีนและนักท่องเที่ยว

รัชดา - ห้วยขวาง เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการปล่อยเช่าคอนโดให้กับกลุ่มชาวต่างชาติ เพราะพื้นที่นี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ไชน่าทาวน์แห่งใหม่” ของกรุงเทพฯ ด้วยชาวจีนจำนวนมากที่เข้ามาทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยวในไทย ต่างเลือกพักอาศัยในย่านนี้เป็นหลัก เนื่องจากเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งเชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองและสนามบินได้ง่าย

ย่านนี้ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดกลางคืน ร้านอาหารนานาชาติ สถานบันเทิง และศูนย์การค้า เช่น The Street, Esplanade รัชดา และ Central พระราม 9 ที่ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มวัยทำงาน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว

ด้วยดีมานด์จากผู้เช่าที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้คอนโดในโซนนี้สามารถสร้าง Gross Rental Yield ได้เฉลี่ยประมาณ 4.0 - 4.45% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาคอนโดที่ยังไม่สูงเกินไป จึงเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหม่สามารถเข้าถือครองสินทรัพย์และเก็บผลตอบแทนระยะยาวได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ แนวโน้มการพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงดีมานด์จากผู้เช่าชาวต่างชาติที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัชดา - ห้วยขวาง กลายเป็นหนึ่งในทำเล “กลางเมืองราคายังไปได้” ที่เหมาะสำหรับทั้งการซื้ออยู่เองและลงทุนเพื่อปล่อยเช่าในปี 2568

5. บางนา - ศรีนครินทร์

ทำเลศักยภาพบนฝั่งตะวันออก ที่น่าจับตาในระยะยาว

บางนา - ศรีนครินทร์ เป็นหนึ่งในทำเลนอกเมืองชั้นในที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากย่านที่เคยถูกมองข้าม กลับกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทั้งด้านที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และ Mixed-use เช่น Bangkok Mall, The Forestias และ Mega City Bangna ซึ่งช่วยดึงดูดทั้งผู้พักอาศัยและนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันศักยภาพของทำเล บางนา - ศรีนครินทร์ คือการเปิดให้บริการ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง) ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ โดยเชื่อมต่อกับสายรถไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น สายสีเขียว และ สายสีน้ำเงิน ทำให้พื้นที่นี้มีศักยภาพในการเติบโตทั้งในด้านที่อยู่อาศัยและการลงทุน

แม้ว่า Gross Rental Yield ของย่านนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 - 3.9% ซึ่งต่ำกว่าทำเลใจกลางเมือง แต่กลับมีศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าทำเลในชั้นใน

ในภาพรวม บางนา - ศรีนครินทร์ กำลังกลายเป็น ทำเลทองของคนรุ่นใหม่และครอบครัว ที่ต้องการชีวิตที่สมดุลระหว่างความสะดวกสบายและราคาที่จับต้องได้

คอนโดติดรถไฟฟ้า ใครซื้อ? ใครลงทุน?

คอนโดติดรถไฟฟ้า ใครซื้อ ใครลงทุน

1. ผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง

กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานออฟฟิศ นักศึกษา ครอบครัวขนาดเล็ก

ลักษณะ: เน้นเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งไลฟ์สไตล์

ทำเลแนะนำ: พระราม 9 - อโศก

  • ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD)
  • ใกล้ MRT สายสีน้ำเงิน และเชื่อมต่อ BTS อโศก
  • แหล่งไลฟ์สไตล์ครบ เช่น Central Rama 9, Fortune

2. นักลงทุนปล่อยเช่า

กลุ่มเป้าหมาย: ชาวต่างชาติ/ นักท่องเที่ยว

ลักษณะ: เน้นทำเลมีดีมานด์เช่าสูง และผลตอบแทนค่าเช่าดี

ทำเลแนะนำ: รัชดา - ห้วยขวาง

  • ใกล้สถานทูตจีน โรงแรม ห้าง Esplanade
  • เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนจีนจำนวนมาก
  • Rental Yield: 4.0 - 4.45% ต่อปี

3. นักลงทุนเก็งกำไร

กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ต้องการซื้อก่อนราคาขึ้น

ลักษณะ: เน้นโครงการใหม่ในทำเลอนาคต ที่ราคายังไม่สูง

ทำเลแนะนำ: บางนา - ศรีนครินทร์

  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง + MEGA Bangna
  • ใกล้ทางด่วนและสนามบินสุวรรณภูมิ
  • ระยะเวลาการลงทุน: 2 - 5 ปี

ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สนับสนุนการลงทุนในอสังหาฯ ปี 2568

นอกจากเรื่องทำเล รายงานล่าสุดจาก Krungthai COMPASS ยังชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจก็มีผลต่อความน่าสนใจของการลงทุนคอนโดเช่นกัน โดยในปี 2568 คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนของไทยจะกลับมาขยายตัวได้ ราว 3.0% หลังจากที่หดตัวในปี 2567

แรงขับเคลื่อนหลักมาจาก

  • การย้ายฐานการผลิตจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
  • เงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะจากจีนและสิงคโปร์
  • การพัฒนาในพื้นที่ EEC (ชลบุรี - ระยอง) ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมากถึง 4.38 แสนล้านบาท

ผลกระทบเชิงบวกนี้จะส่งต่อถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ผ่านความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัย ตลอดจนพื้นที่สำนักงาน โดยเฉพาะจากนักลงทุนและผู้บริหารที่ย้ายมาทำงานในไทย

ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สนับสนุนการลงทุนในอสังหาฯ ปี 2568

ปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาด “คอนโดมิเนียม” ในกรุงเทพฯ ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะใน 5 ทำเลเด่น ที่อยู่ในแนวทางพัฒนาเมือง ทั้งจากโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ และแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจหรือ Mixed-use ขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันมูลค่าทรัพย์สินและอัตราค่าเช่าให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ไม่ว่าจะซื้อเพื่อ อยู่อาศัยเอง หรือมองหาโอกาส ปล่อยเช่าเพื่อรับผลตอบแทน (Gross Rental Yield) หากเลือกทำเลที่เหมาะสม พร้อมศึกษาข้อมูลประกอบ เช่น ความต้องการเช่าในพื้นที่ สาธารณูปโภคโดยรอบ และแผนพัฒนาในอนาคต ย่อมช่วยให้การลงทุนมีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ที่สำคัญ การวางแผนอย่างรอบคอบ โดยอิงทั้ง “ทำเล” และ “ปัจจัยเศรษฐกิจ” เช่น ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และแนวโน้มการเติบโตของกำลังซื้อในพื้นที่ จะทำให้นักลงทุนสามารถเลือกทรัพย์สินที่มั่นคง พร้อมต่อยอดสร้างรายได้ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

| ค้นหาคอนโดน่าลงทุน ได้ที่ Nestopa.com

Titirat
Titirat Prakobkhaothong ผู้เขียน
Content Creator and SEO Specialist

I specialize in creating compelling real estate content, combining industry expertise with a passion for storytelling. Skilled in crafting SEO-optimized, engaging materials, I focus on connecting with audiences and delivering valuable insights that inform and inspire.

สนใจลงข่าวสาร บน nestopa.com
กรุงเทพ ลงทุนคอนโด 2568 ทำเลน่าลงทุน คอนโดกรุงเทพ ทำเลทอง Rental Yield REIC
Nestopa

ติดตามข่าวสาร

มุ่งมั่นในการพัฒนาสตาร์ทอัพไทย

ลงทะเบียนโดยกรมการพัฒนาธุรกิจการค้าประเทศไทย
สนับสนุนโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน