ประเทศไทยเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติในการมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เพราะค่าครองชีพไม่แพง คุณภาพชีวิตดี และทำเลที่ตั้งสะดวก ทำให้อาจเกิดข้อสงสัยได้ว่าชาวต่างชาติซื้อคอนโดได้หรือไม่ แม้กฎหมายไทยไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้ แต่สามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้ตามกฎหมาย บทความนี้ Nestopa จะอธิบายเรื่องกฎหมาย ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนที่ชาวต่างชาติจะตัดสินใจซื้อคอนโดในไทย
ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดในประเทศไทยได้ไหม?
แม้ว่ากฎหมายไทยจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดิน แต่มีสิทธิ์ซื้อและเช่าคอนโดมิเนียมได้อย่างถูกกฎหมาย คือถือครองได้ทั้งแบบ Freehold และ Leasehold (เพราะไม่ใช่ที่ดินที่มาพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคือโครงการนั้น ๆ สามารถมีชาวต่างชาติถือครองแบบ Freehold ได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ทั้งโครงการ
ประเทศไทยถือเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีหลายปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุน เช่น ค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป ทำให้ค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยและการดำเนินชีวิตประจำวันเหมาะสมกับงบประมาณ คุณภาพชีวิตโดยรวมดี ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภค และความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งของไทยยังสะดวกทั้งในเมืองใหญ่ที่มีศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้การอยู่อาศัยหรือการลงทุนมีโอกาสเติบโต ดังนั้นหากใครมีทรัพย์สินประเภทคอนโดอยู่ก็สามารถขายคอนโดให้ชาวต่างชาติได้เช่นเดียวกัน
กฎหมายซื้อคอนโดสำหรับชาวต่างชาติ รู้ไว้ก่อนลงทุนในไทย

มาตรา 19 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 19 ทวิ เป็นกฎหมายสำคัญที่ควบคุมการถือครองคอนโดของชาวต่างชาติ กฎหมายกำหนดว่า ชาวต่างชาติหรือบริษัทต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของห้องชุดในคอนโดได้ แต่รวมทั้งหมดแล้วจะต้องไม่เกิน 49% ของจำนวนห้องทั้งหมดในอาคารนั้น สัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ 49%
หลักสำคัญคือ ในแต่ละโครงการคอนโด ชาวต่างชาติสามารถถือครองห้องรวมกันแบบ Freehold ได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 51% ต้องเป็นของคนไทยหรือบริษัทไทย กฎหมายนี้นับตาม พื้นที่รวมไม่ใช่จำนวนห้อง ดังนั้นแม้ห้องแต่ละห้องจะมีขนาดต่างกัน การคำนวณก็ใช้พื้นที่เป็นหลัก
ความแตกต่างระหว่าง Freehold และ Leasehold
การถือครองกรรมสิทธิ์แบบ Freehold
-
เป็นเจ้าของได้อย่างสมบูรณ์
-
สามารถขาย โอน หรือให้เช่าได้
-
ไม่จำกัดระยะเวลา
-
จำกัดโควต้าที่ 49%
การถือครองกรรมสิทธิ์แบบ Leasehold
-
เช่าระยะยาวสูงสุด 30 ปี
-
ต่อสัญญาได้อีก 30 ปี (รวม 60 ปี)
-
ไม่จำกัดโควต้า
-
ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
ขั้นตอนการซื้อคอนโดสำหรับชาวต่างชาติ
การเตรียมเอกสารที่จำเป็น
ก่อนเริ่มกระบวนการซื้อคอนโด มาดูกันว่าหากชาวต่างชาติจะซื้อคอนโดต้องเตรียมอะไรบ้าง ในส่วนของเอกสารต่าง ๆ
เอกสารพื้นฐาน
-
หนังสือเดินทาง (Passport) ฉบับจริง
-
วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ
-
หนังสือรับรองการโสด/สมรส จากสถานทูต
เอกสารทางการเงิน
-
หลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศ (Foreign Exchange Transaction Form)
-
บัญชีธนาคารในไทย
-
หลักฐานแหล่งที่มาของเงิน
การตรวจสอบและเลือกโครงการ
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบประเด็นต่อไปนี้
-
สถานะโควต้าต่างชาติในโครงการ
-
ใบอนุญาตก่อสร้างและเอกสารโครงการ
-
การพัฒนาโครงการและสาธารณูปโภค
-
ระบบนิติบุคคลและค่าส่วนกลาง
การทำสัญญาจะซื้อจะขาย
เมื่อเลือกห้องเรียบร้อยแล้ว ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางเงินมัดจำ ซึ่งโดยทั่วไปมักอยู่ประมาณ 10–30% ของราคาห้อง
รายละเอียดในสัญญา
-
ราคาซื้อขายและเงื่อนไขการชำระเงิน
-
กำหนดการส่งมอบ
-
เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา
-
สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
การดำเนินการทางกฎหมาย
สำหรับต่างชาติซื้อคอนโดในไทย จำเป็นต้องมีทนายความคอยช่วยเหลือในการ
-
ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์
-
จัดทำเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์
-
ติดต่อกรมที่ดิน
-
ดำเนินการจดทะเบียน
การชำระเงินและโอนกรรมสิทธิ์
ในวันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินที่เหลือทั้งหมดของราคาห้อง พร้อมกับจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดและภาษีต่าง ๆ เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะหรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หลังจากชำระครบ ผู้ซื้อถึงจะเป็นเจ้าของห้องอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ค่าใช้จ่ายในการซื้อคอนโด

ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
ค่าโอนกรรมสิทธิ์คอนโดจะคำนวณจากราคาประเมินทรัพย์สินของห้อง โดยมีอัตรา 2% ของราคาประเมิน ปกติแล้วผู้ซื้อและผู้ขายจะแบ่งจ่ายคนละครึ่ง คือฝ่ายละ 1% ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมมาตรฐานที่สำนักงานที่ดินเรียกเก็บเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อให้การโอนห้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
สำหรับผู้ขายที่ถือครองคอนโดไม่ถึง 5 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดเป็น 3.3% ของราคาขาย โดยทั่วไปแล้ว ภาษีนี้ผู้ซื้อจะเป็นผู้จ่ายแทนผู้ขาย ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ภาษีนี้ใช้สำหรับคอนโดที่ขายในระยะสั้น เพื่อควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
อากรแสตมป์
นอกจากนี้ยังมีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (สำหรับผู้ขาย) หรือ ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่คำนวณเป็น 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมิน ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขไหนสูงกว่า ผู้ขายหรือผู้ซื้อจะต้องชำระตามกฎหมาย เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมาย โดยตัวเลขนี้ช่วยกำหนดภาระภาษีที่เป็นธรรมตามมูลค่าที่แท้จริงของห้อง
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
-
ค่าทนายความ
-
ค่าประเมินราคา
-
ค่าจดจำนอง: 1% (หากมีการกู้เงิน)
-
ค่าแปลเอกสาร
ข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการซื้อคอนโด
การตรวจสอบโครงการอย่างละเอียด
ก่อนลงทุน ควรศึกษาข้อมูลโครงการให้ครบถ้วน
-
ตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้าง
-
ดูแผนการพัฒนาบริเวณใกล้เคียง
-
ประเมินศักยภาพการเช่าและขาย
-
ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้พัฒนา
การใช้บริการทนายความ
การที่ต่างชาติซื้อคอนโดเงินสดต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทนายความที่มีประสบการณ์ ทนายจะช่วย
-
ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
-
แนะนำเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมาย
-
ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
-
ดำเนินการจดทะเบียนให้ถูกต้อง
การวางแผนการเงิน
ค่าใช้จ่ายในการซื้อคอนโด ไม่ใช่แค่ราคาห้องเท่านั้น ควรเตรียมเงินสำหรับ
-
ค่าใช้จ่ายในการโอน 5-8% ของราคาห้อง
-
ค่าส่วนกลางรายเดือน
-
ค่าซ่อมแซมและตกแต่ง
-
ค่าประกันและภาษี
ข้อควรระวังเรื่องสัญญา
อ่านสัญญาอย่างละเอียด โดยเฉพาะ
-
เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา
-
การรับประกันคุณภาพ
-
ค่าปรับกรณีผิดสัญญา
-
สิทธิในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก
สรุปการลงทุนซื้อคอนโดในไทย สำหรับชาวต่างชาติ
คำตอบของคำถาม “ต่างชาติซื้อคอนโดได้ไหม” คือ ได้แน่นอน ภายใต้เงื่อนไขทางกฎหมายที่กล่าวไปข้างต้น การซื้อคอนโดในไทยสำหรับชาวต่างชาติไม่ยาก หากมีความรู้และเตรียมตัวถูกต้อง สิ่งสำคัญคือเข้าใจกฎหมาย เตรียมเอกสารให้ครบ และใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยยังน่าสนใจด้วยราคาที่เหมาะสม ผลตอบแทนดี และคุณภาพชีวิตดี สำหรับผู้สนใจลงทุนควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และกฎหมาย เพื่อให้การลงทุนราบรื่นและได้ประโยชน์สูงสุด