การซื้อและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยมีรูปแบบการถือครองที่หลากหลาย โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจความหมาย เงื่อนไข และความแตกต่างของกรรมสิทธิ์ถือครองอสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นกรรมสิทธิ์ในรูปแบบใด ระหว่าง Freehold vs Leasehold เพราะกรรมสิทธิ์แต่ละรูปแบบย่อมมีข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่ต่างกัน
ในบทความนี้ Nestopa จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจว่ากรรมสิทธิ์แบบ Freehold และ Leasehold คืออะไร และช่วยคุณหาคำตอบว่ากรรมสิทธิ์ในรูปแบบไหนที่เหมาะกับการซื้อและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของคุณระหว่าง Leasehold vs Freehold
Freehold VS Leasehold: Freehold คืออะไร ข้อดีข้อเสีย

กรรมสิทธิ์แบบ Freehold คือ การที่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จะได้รับกรรมสิทธิ์ในการครอบครองอสังหาฯ อย่างสมบูรณ์หลังการซื้อขาย มีสิทธิ์ขาดในการครองครองโดยไม่มีระยะเวลากำหนด และมีสิทธิ์ที่จะสามารถนำอสังหาฯ นี้ไปทำสิ่งต่าง ๆ ต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อ ปล่อยให้เช่า หรือการปรับปรุงตกแต่งอสังหาฯ ก่อนขายต่อเพื่อเก็งกำไรส่วนต่างราคา
ข้อดีของกรรมสิทธิ์แบบ Freehold
-
ได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ ถาวร สามารถใช้ประโยชน์จากอาคารได้อย่างเต็มที่ มีความมั่นคง
-
สามารถส่งต่ออสังหาฯ ให้แก่ทายาทได้ เป็นการสร้างโอกาสให้ลูกหลานในอนาคต
-
หากเกิดภัยพิบัติหรือมีกรณีการเวนคืนที่ดิน จะได้รับเงินชดเชยตามสัดส่วนในโฉนดที่ดิน
-
มีอิสระในการทำกำไรต่อ ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือปล่อยเช่า
-
มีอิสระในการออกแบบ ปรับเปลี่ยน และพัฒนาอสังหาฯ ให้ตรงกับความต้องการของตนเองในการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ
-
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่า
ข้อเสียของกรรมสิทธิ์แบบ Freehold
-
ทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง อาจทำให้ทุนจมแทนที่จะสามารถกระจายไปลงทุนในส่วนอื่น ๆ ได้
-
ต้องคอยดูแล บำรุงรักษา และรับภาระค่าใช้จ่ายภาษี อย่างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
-
อาจต้องพบกับปัญหาสภาพคล่องต่ำ และการผันผวนของตลาด
กรรมสิทธิ์แบบ Freehold สำหรับชาวต่างชาติ
ชาวต่างชาติซื้อคอนโดได้ไหม? กฎหมายของประเทศไทยมีข้อจำกัดสำหรับชาวต่างชาติในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ บางประการ สำหรับ อสังหาฯ ประเภทบ้านและที่ดิน คนต่างชาติไม่สามารถถือครองได้โดยตรง ยกเว้นในกรณีพิเศษที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือในกรณีเฉพาะ เช่น การลงทุนผ่าน Thailand Elite Visa ในโครงการที่ได้รับการอนุมัติ
แต่สำหรับ อสังหาฯ ประเภทห้องชุดหรือคอนโดมิเนียม กฎหมายไทยอนุญาติให้คนต่างชาติสามารถถือครองในรูปแบบ Freehold ได้โดยตรง แต่จำกัดให้มีสัดส่วนไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมดของโครงการ และต้องนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยผ่านธนาคารพาณิชย์
Freehold VS Leasehold: Leasehold คืออะไร ข้อดีข้อเสีย

การถือครองแบบ Leasehold หรือที่เรียกว่า ‘ทรัพย์อิงสิทธิ’ คือการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยจ่ายเงินก้อนแลกกับการสามารถครอบครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญาเช่า ซึ่งทั่วไปจะไม่เกิน 30 ปี โดยอาจสามารถต่อสัญญาได้ แต่ไม่ได้มีหลักประกันทางกฎหมายรองรับ
ข้อดีของกรรมสิทธิ์แบบ Leasehold
-
ทุนเริ่มต้นต่ำกว่าการซื้อขาดแบบ Freehold ทำให้สามารเข้าถึงอสังหาฯ ทำเลดีได้และมีทุนเหลือสำหรับการลงทุนส่วนอื่น ๆ
-
สามารถเข้าถึงทำเลทองที่ไม่อนุญาตให้ครอบครองกรรมสิทธิ์แบบ Freehold เช่น ที่ดินในครอบครองของรัฐ ทรัพย์สินสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หรือย่านใจกลางเมือง
-
อาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องรับภาระในการดูแลบำรุงรักษาหรือเสียภาษี
-
มีอิสระในการปรับเปลี่ยนในชีวิต เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการลงทุน หรือ การย้ายประเทศย้ายที่อยู่ เพราะไม่ต้องรับผิดชอบดูแลในระยะยาว
ข้อเสียของกรรมสิทธิ์แบบ Leasehold
-
ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ในการถือครองถาวรและต้องคืนให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ทันทีเมื่อหมดสัญญา รวมถึงไม่มีสิ่งรับรองว่าจะสามารถต่อสัญญาเพื่อเพิ่มระยะเวลาต่อได้
-
ไม่สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ทายาทได้ในอนาคต
-
การขอสินเชื่อจากธนาคารสำหรับ Leasehold เป็นเรื่องยากกว่า Freehold
การครอบครองแบบ Leasehold สำหรับชาวต่างชาติ
ด้วยข้อจำกัดสำหรับชาวต่างชาติในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายของประเทศไทย ที่ทำให้นต่างชาติไม่สามารถ ถือครองอสังหาฯ ประเภทบ้านและที่ดินได้โดยตรง การครอบครองแบบ Leasehold จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยในระยะยาวมากกว่า 10 ปี
Freehold VS Leasehold แตกต่างกันอย่างไร?
|
Freehold |
Leasehold |
|
|
รูปแบบกรรมสิทธิ์ |
ได้รับกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ |
ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงผู้เช่า |
|
ระยะเวลาถือครอง |
ถาวร ไม่จำกัดเวลา |
สูงสุด 30 ปี (สามารถต่อได้เป็นรอบ ๆ แต่ไม่แน่นอน) |
|
การโอนสิทธิ์ |
สามารถโอนสิทธิ์สัญญาเช่าได้ |
สามารถขายต่ออสังหาฯ โอนสิทธิ์ หรือโอนให้ทายาทเป็นมรดกได้ |
|
การต่อเดิม ปรับปรุง |
สามารถทำได้ตามกฎหมายกำหนด |
ต้องขออนุญาตเจ้าของที่ดินก่อน |
|
มูลค่าสินทรัพย์ |
ส่วนใหญ่มักมูลค่าเพิ่มขึ้น |
มักลดลงเมื่อใกล้หมดอายุสัญญา |
|
ราคาซื้อ |
สูงกว่า |
ต่ำกว่า |
|
สินเชื่อธนาคาร |
ให้ตามปกติ |
ส่วนใหญ่ไม่ให้ โดยเฉพาะกับต่างชาติ |
|
การขายต่อ |
ทำได้ง่ายกว่า |
ยากขึ้นเมื่อใกล้หมดสัญญา |
|
เหมาะกับใคร |
ผู้ที่วางแผนอยู่/ลงทุนระยะยาว |
ผู้ที่อยู่ชั่วคราว หรือมีงบจำกัด |
Freehold VS Leasehold เลือกแบบไหนดี?

การเลือกระหว่าง Freehold vs Leasehold คือ การพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการใช้อสังหาฯ นั้น งบประมาณ และระยะเวลาที่ต้องการถือครอง
กรรมสิทธิ์แบบ Freehold เหมาะกับผู้ที่ต้องการถือกรรมสิทธิ์เป็นเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อย่างถาวร มีความมั่นคงในการถือครอง สามารถปล่อยเช่า ขาย เก็งกำไร และส่งต่อเป็นมรดกได้
ส่วน กรรมสิทธิ์แบบ Leasehold เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาฯ ที่ต้นทุนไม่สูงมาก เพื่อทำธุรกิจหรือพักอาศัยในช่วงสั้น ๆ หรือต้องการอสังหาริมทรัพย์ ในทำเลพิเศษที่ไม่มีทางเลือกสำหรับการซื้อขายขาด และสำหรับต่างชาติที่ต้องการถือครองที่ดินหรือบ้าน
ในท้ายที่สุด ทั้ง Leasehold และ Freehold และ ต่างมีข้อดีและข้อจำกัดเป็นของตัวเอง การเข้าใจความแตกต่างและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมจะช่วยให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จและคุ้มค่ามากที่สุด