การขายอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้านหรือคอนโดมิเนียมดูเป็นเรื่องซับซ้อน ทำให้หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง รวมถึงต้องทำอย่างไรให้ขายได้รวดเร็ว ดังนั้นในบทความนี้ Nestopa จะพาคุณไปดูกระบวนการและคำแนะนำทีละขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน เตรียมพร้อม ไปจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณขายอสังหาฯ ได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมาย
สิ่งสำคัญในการขายอสังหาริมทรัพย์
- การเตรียมความพร้อมก่อนการขาย
- การตรวจสอบเอกสารและสภาพทรัพย์สิน
- การว่าจ้างตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์
- การทำการตลาดและการโฆษณา
- การเจรจาและทำสัญญาการขาย
- การโอนกรรมสิทธิ์และขั้นตอนตามกฎหมาย
1. การเตรียมความพร้อมก่อนการขาย
ทำความเข้าใจประเภทของอสังหาริมทรัพย์
ก่อนเริ่มต้นขายบ้านหรือคอนโด คุณควรทำความเข้าใจก่อนว่าอสังหาฯ ที่ต้องการขายเป็นประเภทไหน เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือห้องชุด (คอนโด) เนื่องจากอสังหาฯ แต่ละประเภทก็จะมีข้อกำหนดทางกฎหมายและกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อที่แตกต่างกัน กความเข้าใจในประเภทสินทรัพย์จะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การขายที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น
ตรวจสอบสถานะกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์
อย่าลืมตรวจสอบสถานะทรัพย์สินอย่างละเอียดว่าเป็นชื่อของคุณเองเพียงบุคคลเดียวหรือมีบุคคลที่สามเข้ามาร่วมเกี่ยวข้อง เช่น มีการจำนองอยู่กับธนาคารหรือไม่ หรือมีข้อจำกัดด้านกฎหมายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการขายทรัพย์สินหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าขั้นตอนการขายและการโอนกรรมสิทธิ์จะเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
วางแผนการตั้งราคาขาย
ผู้ขายควรศึกษาราคาตลาดของอสังหาในพื้นที่เดียวกันเพื่อให้สามารถตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ อย่าลืมประเมินค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขาย เช่น ค่าธรรมเนียมโอน ภาษี และค่าจ้างเอเจนซี่ เพื่อให้แน่ใจว่าการขายอสังหาฯ นี้จะไม่ใช่การขายขาดทุน
2. การตรวจสอบเอกสารและสภาพทรัพย์สิน
ผู้ขายควรตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ จาก เอกสารสำคัญในการขายอสังหาฯ ได้แก่
-
โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
-
สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ขาย
-
เอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น เอกสารการจำนอง เอกสารแสดงสถานะทางการเงินหรือการจำนองของทรัพย์สิน เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ขายก็ควรตรวจสอบความเรียบร้อยของทรัพย์สินอย่างละเอียด เช่น โครงสร้างบ้าน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงดูแลความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้านให้เรียบร้อย แน่นอนว่าอสังหาฯ ที่ดูดี มีความพร้อม และไม่มีปัญหาความเสียหาย ย่อมจะทำให้ผู้ซื้อประทับใจมากกว่าพบเจอปัญหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น
3. การว่าจ้างตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์
การมีเอเจนซี่ช่วยขายบ้านหรือคอนโดไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญของพวกเขา เอเจนซี่มีความสามารถในการเจรจาต่อรองราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ พร้อมทั้งเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พวกเขายังช่วยจัดการเอกสารและขั้นตอนที่ซับซ้อนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัญญาขาย การขอสินเชื่อ หรืองานเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้
เมื่อเลือกเอเจนซี่ ควรพิจารณาเลือกผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และมีผลงานการขายที่พิสูจน์ได้ รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณ เพื่อให้การขายบ้านหรือคอนโดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จมากที่สุด
4. การทำการตลาดและการโฆษณา
การลงประกาศอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แทบจะทันที ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลาอย่างมาก
แพลตฟอร์มอสังหาออนไลน์อย่าง Nestopa ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การประกาศขายของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยดึงดูดผู้ซื้อมากมายผ่านการโฆษณาออนไลน์ที่มีคุณภาพสูง ทั้งยังมีเครื่องมือที่ช่วยจัดการประกาศขายของคุณได้อย่างง่ายดายและเป็นระเบียบ พร้อมทั้งทีมสนับสนุนที่พร้อมคอยให้ความช่วยเหลือคุณตลอดเวลา ทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ
-
ผู้ขายควรใช้ภาพถ่ายบ้านหรือคอนโดที่สวยงามและคมชัด เพื่อดึงดูดความสนใจในการเลือกเข้าชมและเพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจซื้อสามารถเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน
-
ผู้ขายควรระบุรายละเอียดที่สำคัญ อย่างขนาดพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือทำเลที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติม เช่น จุดเด่นของพื้นที่บริเวณนั้นๆ ราคาของอสังหาฯ และเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อช่วยให้ผู้ชมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
-
ผู้ขายอาจมีการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเช่น Facebook หรือ Instagram สำหรับโพสต์ขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่าง Stories และ Reels หรือการโปรโมตโพสต์ เพื่อช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมและขยายการเข้าถึงไปยังผู้ซื้อหรือกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
5. การเจรจาและทำสัญญาการขาย
การเจรจาที่ดีควรมีความยืดหยุ่นเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย การฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายและการแสดงความเข้าใจในมุมมองของพวกเขาจะช่วยสร้างความไว้วางใจและนำไปสู่ข้อตกลงที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ นอกจากนี้ อย่าลืมเตรียมข้อมูลและข้อเสนอที่ชัดเจนก่อนการเจรจาเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จด้วย
สำหรับการทำสัญญาการขาย หรือ สัญญาจะซื้อจะขาย คือ สัญญาการซื้อขายที่เกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญา (ผู้ซื้อ-ผู้ขาย) โดยตกลงกันว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ หรือซื้อขายอย่างถูกกฎหมายในอนาคต ระหว่างรอให้ถึงวันและเวลาที่เหมาะสม เช่น รอให้การกู้เงินอนุมัติผ่าน เป็นต้น ซึ่งสัญญาจะซื้อจะขายนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามประเภทอสังหาริมทรัพย์ คือ
-
สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน
สำหรับการขายที่ดินเปล่า และบ้านพร้อมที่ดิน จะต้องมีการระบุเลขโฉนดที่ดิน (น.ส. 4 จ.) ร่วมด้วย และหากเป็นที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างก็จำเป็นจะต้องระบุรายละเอียดของสิ่งปลูกสร้างนั้นๆ การทำสัญญาจะซื้อจะขายประเภทนี้มักมีระยะการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 1-3 เดือน
-
สัญญาจะซื้อจะขายคอนโด
สำหรับการขายคอนโดหรือห้องชุด จะต้องมีการระบุเป็นเลขหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2) ร่วมกับรายละเอียดโครงการ และห้องที่จะซื้อขาย ซึ่งจะมีระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 1-3 เดือน แต่ถ้าในกรณีเป็นคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จก็จะมีระยะเวลาโอนนานออกไปคือประมาณ 1-2 ปี
สำหรับ ส่วนประกอบสำคัญของสัญญาจะซื้อจะขาย จะต้องประกอบไปด้วย
-
รายละเอียดทรัพย์สิน: ระบุข้อมูลทรัพย์สินอย่างชัดเจน เช่น ประเภท ขนาด และตำแหน่งที่ตั้ง
-
ราคาขาย: ระบุราคาที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงราคาในกรณีที่จำเป็น
-
เงื่อนไขการชำระเงิน: กำหนดรายละเอียดการชำระเงิน เช่น ยอดเงินมัดจำ กำหนดการชำระเงิน และวิธีการชำระ
-
รายละเอียดการโอนกรรมสิทธิ์: ระบุวันที่และขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมและภาษี
6. การโอนกรรมสิทธิ์และขั้นตอนตามกฎหมาย
ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์
1. ติดต่อสำนักงานที่ดินเพื่อนัดหมายล่วงหน้าสำหรับการโอนที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้กระบวนการราบรื่น ไม่เสียเวลา
2. เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น โฉนดที่ดิน, สัญญาซื้อขาย, บัตรประจำตัวประชาชนของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบเอกสารทั้งหมดให้ถูกต้องก่อนการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์
3. ชำระค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์
ค่าธรรมเนียมการโอน
ค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์โดยปกติแล้วจะมีมีอัตราการคิดคำนวณประมาณ 2% แต่จากมาตรการการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย มีการปรับลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาประเมินทุนทรัพย์และราคาขายไม่เกิน 7 ล้านบาท และผู้ซื้อต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายม พ.ศ. 2569
ซึ่งในส่วนของค่าธรรมเนียมในการโอนอสังหาริมทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถตกลงกันได้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายร่วมรับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนฝ่ายละครึ่ง หรือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนเต็มจำนวน หรือแบ่งตามสัดส่วนที่กำหนดกันเอง เป็นต้น ซึ่งข้อตกลงนี้ควรระบุไว้ในสัญญาซื้อขายให้เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
เริ่มต้นลงประกาศอสังหาริมทรัพย์กับ Nestopa
การขายบ้านหรือคอนโดอาจดูเป็นการดำเนินการที่ซับซ้อนในการเริ่มต้น แต่หากคุณมีแผนการที่ดีและรู้ขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้การขายเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น และหากคุณต้องการพื้นที่ในการลงประกาศอสังหาฯ ออนไลน์เพื่อเพิ่มการมองเห็น การเข้าถึง และเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ลองใช้บริการของ Nestopa ในการลงประกาศบนแพลตฟอร์มของเรา แล้วการขายอสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
ลงประกาศขายอสังหาริมทรัพย์กับ Nestopa | List your property for sale with Nestopa