ไขข้อข้องใจ ปลูกต้นไม้ในห้องนอนอันตรายหรือไม่?

แน่นอนว่าการปลูกต้นไม้ตกแต่งบ้านและสวน เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยทำให้บ้านดูรุ่มรื่นและร่มเย็น ทั้งยังปรับทัศนียภาพ ทำให้ภาพรวมดูสบายตาขึ้นได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกสิ่งจะดี 100% เสมอไป เพราะแม้แต่การปลูกต้นไม้ตกแต่งบ้านก็ยังมีข้อควรระวังอีกมาก อาทิ การปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน จะต้องดูเรื่องของรากว่าชอนไชลึกแค่ไหนและจะทำลายโครงสร้างของบ้านหรือไม่ หรือหาเลี้ยงสุนัขและแมว ก็ต้องคอยระวังต้นไม้ที่ไม่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงในบ้านเหล่านั้น

และการปลูกต้นไม้ในห้องนอนเองก็เช่นกัน เพราะอย่างที่ทราบว่าต้นไม้จะทำการฟอกอากาศในตอนเช้า เพิ่มออกซิเจนให้บริเวณรอบ ๆ การที่เราอยู่ใกล้ต้นไม้ในช่วงเช้าจึงทำให้เรามีอากาศดี ๆ ได้หายใจให้ร่างกายสดชื่น แต่ในขณะเดียวกัน เวลากลางคืนก็คือเวลาปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซค์ หรือ CO₂ หรือที่เรา ๆ เข้าใจกันว่าเป็นการ ‘หายใจ’ ของต้นไม้ ที่หากร่างกายสูดดมเข้าไปในปริมาณที่เกินพอดี จะส่งผลเสียกับร่างกายมากมาย อาทิ

อันตรายจากการปลูกต้นไม้ในห้องนอนมีมากน้อยแค่ไหน?

จริง ๆ แล้ว การปลูกต้นไม้ในห้องนอนไม่ได้ร้ายแรงและส่งผลเสียมากขนาดนั้น และถือว่าโอกาสที่จะเกิดผลเสียต่อร่างกายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแทบจะเป็นศูนย์เลย เพราะต้นไม้ปล่อย CO₂ ในปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับมนุษย์หรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน และต้นไม้บางชนิด อย่างลิ้นมังกรยังเหมาะที่จะปลูกในห้องนอน เพราะมีคุณสมบัติพิเศษช่วยเพิ่มออกซิเจนในตอนกลางคืน ซึ่งช่วยปรับปรุงอากาศในห้องให้ดีขึ้นได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการปลูกต้นไม้ในห้องนอนไม่อันตรายจนก่อให้เกิด CO₂ จำนวนมาก หรือก่อให้เกิดอาการขาดออกซิเจนแต่อย่างใด

แล้วข่าวลือที่ว่าการปลูกต้นไม้ในห้องนอนนั้นก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและร่างกายมาจากไหนล่ะ?

อย่างที่บอกว่าไม่มีอะไรที่ดี 100% การปลูกต้นไม้ในห้องนอนก็เช่นกัน หลายคนเชื่อกันว่าเพราะต้นไม้มักปล่อย CO₂ ในช่วงเวลากลางคืน จึงไม่ควรที่จะปลูกไว้ในห้องนอน หากได้รับผลกระทบจากจำนวน CO₂ ที่มากเกินไปจะได้รับอันตรายอย่างไม่รู้ตัวนั่นเอง

ซึ่งความจริงแล้วการปลูกต้นไม้ในห้องที่โปร่งโล่ง มีอากาศถ่ายเท ไม่ปิดทึบ เรียกว่าโอกาสจะก่ออันตรายนั้นแทบจะไม่มีเลย แต่ในทางกลับกัน การปลูกต้นไม้จำนวนเยอะ ๆ ในพื้นที่จำกัด อากาศไม่ถ่ายเทนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างชัดเจน

เพราะหากปลูกต้นไม้ ‘จำนวนมาก’ ในห้องนอนที่มีขนาดพื้นที่เล็กและไม่สามารถระบายอากาศได้ มีสิทธิ์ที่ในตอนกลางคืน ปริมาณ CO₂ จะเพิ่มขึ้นมากและสะสมจนทำให้ปริมาณออกซิเจนในห้องลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการอึดอัดหายใจไม่สะดวกตามผลกระทบที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยจำนวนต้นไม้จะต้องมีปริมาณหรือจำนวนที่สูงมากจริง ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงปัจจัยอื่น อาทิ ร่างกายมีสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว อันเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือโรคหัวใจ, เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกทำงานผิดปกติ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องนอน ที่มีประตูหน้าต่าง ห้องโปร่งไม่ปิดทึบ ไม่ถือว่าร้ายแรงและส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด

ข้อดีของการปลูกต้นไม้ในห้องนอน

แน่นอนว่าข้อดีของการปลูกต้นไม้มีอยู่เต็มไปหมด อาทิ

1.ร่างกายสดชื่น หัวใจและระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เพราะได้รับปริมาณออกซิเจนอย่างเพียงพอ เมื่อออกซิเจนเข้าสู่ปอดจะจับตัวกับฮีโมโกบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง และลำเลียงไปยังอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

2.การปลูกต้นไม้ในห้องนอนจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาทและสมอง ให้ทำงานได้ดีขึ้น เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีสมาธิ และสามารถจดจ่อได้นาน เพราะสมองต้องการออกซิเจนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำงาน หากปริมาณการไหลเวียนของออกซิเจนเพียงพอ ยังสามารถลดความตึงเครียดได้อีกด้วย

3.เสริมระบบภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูเซลล์เนื้อเยื่อ เพราะออกซิเจนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ต้นไม้ปลูกในบ้านสามารถลดปริมาณสารพิษ สารเคมีในอากาศ อาทิ ฟอร์มาลดีไฮด์จากสีทาบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ที่เคลือบด้วยเรซิน, ไตรคลอโรเอทิลีนจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ดี การปลูกต้นไม้ไม่ใช่เพียงวิธีเดียวที่จะช่วยฟอกอากาศ กรองสิ่งปนเปื้อนอย่างฝุ่นละออง สารเคมี ขนสัตว์ เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ได้ เพราะหากอยากเน้นไปที่การฟอกอากาศโดยเฉพาะ การใช้เครื่องกรองอากาศจะเหมาะสมกว่า

สรุปแล้ว ความเสี่ยงของการปลูกต้นไม้ในห้องนอนนั้นค่อนข้างต่ำจนแทบจะเป็นศูนย์ เพราะต้นไม้เล็ก ๆ เพียงไม่กี่ต้นจะปล่อย CO₂ ในปริมาณที่น้อยจนไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด หากมีการดูแลรักษาและเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพห้อง และไม่ควรเลือกต้นไม้ที่เป็นอันตรายหรือมีพิษ โดยการปลูกต้นไม้ในห้องนอนหรือในบ้านยังมีข้อดีหลาย ๆ ด้านอีกด้วย อย่าง การช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในอากาศ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ทำไม่ค่อยได้

Source : PrimoCare Medical