การเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ และต้องพิจารณาหลายปัจจัย หนึ่งในคำถามยอดนิยมคือ คอนโด Low Rise กับ High Rise แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเรามากที่สุด? คอนโดทั้งสองประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ตั้งแต่ความสูงของอาคาร ราคา สิ่งอำนวยความสะดวก ไปจนถึงบรรยากาศการอยู่อาศัย บทความนี้ Nestopa จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่าง พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อคอนโดที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุด
คอนโด Low Rise คืออะไร?

คอนโด Low Rise คือคอนโดที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 4–8 ชั้น ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ที่ได้ระบุไว้ว่า
อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 23 เมตร การวัดความสูงของอาคารให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้า สําหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยา ให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด
คอนโด Low Rise จึงจัดว่าเป็นอาคารขนาดกลาง ไม่สูงเกินไปและไม่เตี้ยเกินไป ด้วยจำนวนชั้นที่ไม่มากนัก โครงการมักจะออกแบบให้มีหลายอาคารอยู่ในบริเวณเดียวกัน ทำให้มุมมองส่วนใหญ่เป็นวิวชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ โครงการ ซึ่งให้บรรยากาศแตกต่างจากคอนโด High Rise อีกทั้งยังมีจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มากนัก จึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวและไม่แออัดเหมือนคอนโดสูง
ลักษณะเด่นของคอนโด Low Rise
คอนโด Low Rise มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากคอนโดประเภทอื่น ดังนี้
-
จำนวนชั้นไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้ขึ้นลงด้วยบันไดสะดวก แม้ลิฟต์มีปัญหา
-
มีห้องต่อชั้นไม่มาก จึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่า
-
ล็อบบี้อาจไม่ใหญ่เท่าคอนโดสูง แต่บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง
-
สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน แต่บางอย่างอาจไม่หลากหลายเท่า High Rise
คอนโด High Rise คืออะไร?

High Rise คือคอนโดที่มีความสูงมากกว่า 8 ชั้น บางโครงการอาจสูงถึง 40–50 ชั้นหรือมากกว่านั้น ทำให้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อาศัยใจกลางเมือง พร้อมวิวเมืองกว้างไกล คอนโด High Rise มักมีจำนวนห้องคอนโดต่อชั้นมากกว่า Low Rise ทำให้รู้สึกคึกคักและมีเพื่อนบ้านมากกว่า สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและหลากหลาย เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนบนดาดฟ้า ห้องซาวน่า และล็อบบี้ขนาดใหญ่ บรรยากาศจึงดูหรูหราและทันสมัย นอกจากนี้ยังมีลิฟต์หลายตัว ทำให้ขึ้นลงสะดวก แม้จะมีจำนวนยูนิตเยอะ แต่บางครั้งการอยู่อาศัยใน High Rise อาจให้ความรู้สึกแออัดและต้องรอลิฟต์ในชั่วโมงเร่งด่วน
ลักษณะเด่นของคอนโด High Rise
คอนโด High Rise มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากคอนโดประเภทอื่น ดังนี้
-
ความสูงมากกว่า 8 ชั้น ให้วิวที่สวยงามและกว้างไกล
-
สิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องประชุม ร้านค้า
-
ล็อบบี้คอนโด ขนาดใหญ่และหรูหรา สร้างความประทับใจแก่ผู้เข้ามาพัก
-
ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยที่มาก
ความแตกต่างระหว่าง Low Rise และ High Rise
ตารางเปรียบเทียบ Low Rise กับ High Rise
|
หัวข้อ |
Low Rise |
High Rise |
|
ความสูงและจำนวนชั้น |
ไม่เกิน 23 เมตร ประมาณ 8-9 ชั้น |
มากกว่า 8 ชั้น บางโครงการสูงถึง 40–50 ชั้น |
|
ราคาและค่าใช้จ่าย |
ราคาต่อตารางเมตรน้อยกว่า เนื่องจากต้นทุนก่อสร้างต่ำ สิ่งอำนวยความสะดวกน้อย ค่าส่วนกลางต่ำ |
ราคาต่อตารางเมตรสูงกว่า ต้นทุนก่อสร้างสูง สิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย ค่าส่วนกลางสูง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
มีพื้นที่ส่วนกลางน้อยกว่า แต่โครงการดีไซน์ให้เหมาะกับจำนวนผู้อยู่อาศัย เช่น ล็อบบี้และฟิตเนสขนาดเล็ก |
มีพื้นที่ส่วนกลางมากกว่า รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส |
|
ความเป็นส่วนตัวความเป็นส่วนตัว |
สูง จำนวนเพื่อนบ้านน้อย การสัญจรภายในโครงการไม่วุ่นวาย เสียงรบกวนน้อย |
น้อย จำนวนยูนิตต่อชั้นมาก การสัญจรคึกคัก เสียงรบกวนมากกว่า |
ข้อดี-ข้อเสียของคอนโด Low Rise
ข้อดี
1. บรรยากาศที่เป็นกันเองและเงียบสงบ
ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยที่น้อยกว่า คอนโด Low Rise จึงมีบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นกันเองมากกว่า ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในชุมชนขนาดเล็กที่ทุกคนรู้จักกัน
2. ต้นทุนการดูแลรักษาที่น้อยกว่า
เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่า จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้อยกว่า ส่งผลให้ค่าส่วนกลางถูกกว่า
3. การเข้าถึงที่สะดวกกว่า
ความสูงที่ไม่มากเกินไป ทำให้สามารถใช้บันไดขึ้นลงได้ในกรณีฉุกเฉิน และไม่ต้องรอลิฟต์นานเมื่อมีผู้ใช้งานพร้อมกัน
4. ราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า
สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด คอนโด Low Rise เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีราคาที่เหมาะสมกว่า
ข้อเสีย
1. สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำกัด
เมื่อเทียบกับ High Rise แล้ว Low Rise อาจจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น้อยกว่า เช่น อาจจะไม่มีสระว่ายน้ำ หรือฟิตเนสที่เล็กกว่า
2. วิวที่อาจจะไม่สวยเท่า
ด้วยความสูงที่จำกัด ทำให้วิวจากหน้าต่างอาจจะไม่สวยงามเท่ากับ High Rise Condo ที่มีวิวกว้างไกล
3. ความน่าสนใจในการลงทุนอาจน้อยกว่า
สำหรับนักลงทุน การลงทุนคอนโด Low Rise อาจจะไม่น่าสนใจเท่ากับ High Rise ในด้านของการเพิ่มมูลค่า
ข้อดี-ข้อเสียของคอนโด High Rise
ข้อดี
1. วิวที่สวยงามและกว้างไกล
ความสูงของอาคารทำให้ได้วิวที่สวยงาม โดยเฉพาะชั้นบน ๆ ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองได้อย่างชัดเจน
2. สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและหลากหลาย
คอนโด High Rise มักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมากกว่า เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องประชุม ร้านสะดวกซื้อ
3. การรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า
ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
4. ศักยภาพการเพิ่มมูลค่าที่ดี
สำหรับนักลงทุน คอนโด High Rise มักจะมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ข้อเสีย
1. ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
ทั้งราคาซื้อและค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ มักจะสูงกว่า Low Rise
2. ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า
ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยที่มาก ทำให้อาจจะรู้สึกแออัดและมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า
3. การพึ่งพาลิฟต์
การใช้ชีวิตในชั้นสูงทำให้ต้องพึ่งพาลิฟต์ ซึ่งอาจจะมีปัญหาในกรณีที่ลิฟต์ขัดข้อง
สรุปและข้อแนะนำสำหรับผู้ซื้อ
คอนโด Low Rise และ High Rise ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกซื้อคอนโดที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น งบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และวัตถุประสงค์ในการซื้อ หากคุณชื่นชอบความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และมีงบประมาณจำกัด คอนโด Low Rise อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน วิวสวย และไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย คอนโด High Rise อาจตอบโจทย์มากกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรเปรียบเทียบราคา และศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้คอนโดที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณมากที่สุด
สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมเพื่อซื้อหรือเช่า ทั้ง Low rise และ High rise สามารถค้นหาคอนโด เพิ่มเติมได้ที่ Nestopa