เผยแพร่ใน Tips ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาฯ

ขั้นตอนก่อนเตรียมเอกสารยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน - คอนโด

การกู้ธนาคารเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดส่วนใหญ่มักให้โปรโมชั่นอัตราดอกต่ำในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น จากนั้นจะมีการปรับให้สูงขึ้น นั้นหมายถึงดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ทั้งธนาคารเก่าและธนาคารใหม่ ช่วยลดดอกเบี้ยให้เราส่งงวดบ้านได้ถูกลง เลือกยืดระยะเวลาการผ่อนได้ ช่วยปรับเปลี่ยนโครงสร้างนี้ได้อีกด้วย เช่น จากการผ่อนคนเดียวก็สามารถยื่นกู้ร่วมได้เป็นต้น

ขั้นตอนก่อนเตรียมเอกสารยื่นขอรีไฟแนนซ์

1. ตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญาเดิม
2. เลือกธนาคารที่ต้องการขอยื่นรีไฟแนนซ์
3. ตรวจสอบสถานะทางการเงิน
4. เตรียมเอกสาร
5. เอกสารหลักประกัน
6. ยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่
7. สอบถามยอดหนี้คงเหลือ พร้อมนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า
8. ทำสัญญาสินเชื่อใหม่
9. ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของการยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน
10. ควรดำเนินการขอยื่นรีไฟแนนซ์ช่วงไหนดี ?

1. ตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญาเดิม

ก่อนจะยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน-คอนโด สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญาเดิม ทั้งเรื่องดอกเบี้ย สัญญา รวมถึงระยะเวลาที่สามารถยื่นรีไฟแนนซ์ได้ 

2. เลือกธนาคารที่ต้องการขอยื่นรีไฟแนนซ์

การเลือกธนาคารใหม่ที่จะขอยื่นกู้ แนะนำให้เปรียบเทียบให้หลากหลายธนาคาร เพราะมีหลากหลายโปรโมชันให้เลือก ค่อย ๆ หาข้อมูลและเลือกที่เหมาะกับการผ่อนชำระของเรามากที่สุด

3. ตรวจสอบสถานะทางการเงิน

รายได้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการยื่นขอรีไฟแนนซ์ธนาคารที่เลือก จะตรวจสอบประเมินทรัพย์สิน สถานะทางการเงินว่ามีรายได้สม่ำเสมอที่จะสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ ก่อนจะยื่นกู้ แนะนำให้ปิดยอดหนี้ที่ค้างชำระให้ได้มากที่สุด เพื่อให้พิจารณายื่นกู้ขอรีไฟแนนซ์ผ่านได้ง่ายมากขึ้น

4. เตรียมเอกสาร

เอกสารประจำตัวบุคคล

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / ข้าราชการ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบการเปลี่ยนชื่อ - สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน (สำหรับพนักงานประจำ)

  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
  • สำเนารับรองการหักภาษี (50 ทวิ)

เอกสารสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว

  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
  • สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
  • สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
  • สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน

5. เอกสารหลักประกัน

  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า  
  • สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือ 14 หรือสัญญาซื้อขายห้องชุด
  • สำเนาสัญญาจำนองที่ดิน
  • ใบเสร็จการผ่อนชำระค่างวดบ้านย้อนหลัง 12 เดือน 
  • สำเนาสัญญากู้เงินกับธนาคารเดิม

6. ยื่นขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่

ซึ่งหากเตรียมเอกสารได้ครบถ้วน ธนาคารจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนโดยใช้ระยะเวลา 2 - 4 อาทิตย์ แต่หากติดขัดเรื่องการเอกสารขั้นตอนใดก็จะล่าช้าเพิ่มขึ้นไปอีกได้

7. สอบถามยอดหนี้คงเหลือ พร้อมนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า

เมื่อได้รับผลอนุมัติจากธนาคารใหม่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้เรา สอบถามยอดหนี้คงเหลือจากธนาคารเก่า พร้อมนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เพื่อให้ทั้งสองธนาคารสามารถดำเนินการปิดหนี้ตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง

8. ทำสัญญาสินเชื่อใหม่

เมื่อขั้นตอนการ ชำระหนี้เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ธนาคารใหม่จะนัดเจ้าหน้าที่ธนาคารเก่าไปกรมที่ดิน เพื่อทำสัญญาไถ่ถอนสินเชื่อธนาคารเก่า พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ทำสัญญาสินเชื่อใหม่ ซึ่งสามารถทำในวันเดียวกันได้เพื่อช่วยให้ประหยัดเวลา

9. ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของการยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้านหรือคอนโดใกล้จะครบระยะเวลา 3 ปี แล้วอยากรีไฟแนนซ์นั้น มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้ ดังนี้ 

  • ค่าประเมินราคาหลักประกันประมาณ 1,800 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับทางธนาคารนั้น ๆ แต่อาจจะมีบางธนาคารที่ฟรีค่าบริการส่วนนี้
  • ค่าจดจำนอง 1% ของของยอดวงเงินกู้
  • ค่าอากรแสตมป์ เสีย 0.05% ของยอดวงเงินที่กู้
  • ค่าประกันอัคคีภัย ซึ่งประกันนี้จะเป็นประกันที่ต้องทำอยู่แล้วไม่ว่าจะกู้กับธนาคารเดินหรือธนาคารใหม่

และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคารนั้น ๆ

** สูตรคำนวณความสามารถในการผ่อนบ้าน **

10. ควรดำเนินการขอยื่นรีไฟแนนซ์ช่วงไหนดี ?

หลายคนที่อยากทำการยื่นขอไฟแนนซ์บ้าน ควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อน 1 - 2 เดือน ก่อนผ่อนชำระครบระยะเวลา 3 ปี เพราะกว่าธนาคารใหม่จะดำเนินการพิจารณาเอกสารและอนุมัติสินเชื่อค่อนข้างให้เวลาเช่นกัน

ขั้นตอนก่อนเตรียมเอกสารยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน - คอนโด

การรีไฟแนนซ์บ้านหรือคอนโดไม่เพียงช่วยลดภาระดอกเบี้ย แต่ยังเปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเงินให้เหมาะสมกับความต้องการของเราได้มากขึ้น ทั้งนี้ การเตรียมตัวและวางแผนอย่างรอบคอบก่อนยื่นขอรีไฟแนนซ์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

อย่าลืม ตรวจสอบโปรโมชั่นของธนาคารและเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียด รวมไปถึงประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเองเพื่อให้มั่นใจว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง:
กู้บ้านผ่านเร็ว เพียงรู้วิธีใช้บัตรเครดิต
"ประกันภัยบ้าน" เรื่องที่คนอยากมีบ้านจำเป็นต้องรู้!

ใครที่กำลังหาบ้าน/ คอนโด ค้นหาได้ที่ Nestopa.com

Naipaporn
Naipaporn Janbang ผู้เขียน
Property Content Specialist

Experienced content creator specializing in social media marketing, with a focus on the property market. Also, an SEO content specialist with over three years of experience in property marketing. Proficient in leveraging various digital channels to maximize brand exposure and drive engagement.

สนใจลงข่าวสาร บน nestopa.com
อสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโด
Nestopa