เผยแพร่ใน การตลาดอสังหาริมทรัพย์

แผ่นดินไหวกระทบตลาดคอนโดกรุงเทพฯ อย่างไร

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13:20 น. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกาย จุดศูนย์กลางอยู่ที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร และได้ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยในหลายภูมิภาคอย่างภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย มีเหตุการณ์ตึกถล่มย่านจตุจักร เผยเป็นอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังส่งผลกระทบในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วกรุงเทพฯ สร้างความเสียหายให้กับอาคารต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอาคารสูงอย่างคอนโดฯ โรงแรม อาคารสำนักงาน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับอาคารสูงหลายแห่ง แต่ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างหนาแน่น เช่น คอนโดฯ ใจกลางเมือง ความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานการก่อสร้าง การบำรุงรักษา และการทนทานต่อภัยธรรมชาติกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคและนักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น

นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังส่งผลกระทบในเชิงลึกต่อราคาคอนโดฯ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความต้องการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าโครงการใดมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เพียงพอ และมีการตรวจสอบโครงสร้างหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือไม่ ในขณะเดียวกัน เจ้าของโครงการและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อและผู้ลงทุน

เนสโทปา จะพาไปเจาะลึกถึงผลกระทบของแผ่นดินไหว ทั้งในด้านราคาคอนโดฯ ความต้องการลงทุน รวมถึงทิศทางในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ เราจะพูดถึงแนวทางการปรับตัวของตลาด การเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง และสิ่งที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อคอนโดฯ หรือพิจารณาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พร้อมคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนและผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในสถานการณ์ที่ความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

แผ่นดินไหวกระทบตลาดคอนโดกรุงเทพฯ อย่างไร

  แผ่นดินไหวกระทบตลาดคอนโดกรุงเทพฯ อย่างไร

แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ อย่างไร

1. ความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง แต่ด้วยภูมิศาสตร์ของพื้นที่และชั้นดินอ่อน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลกระทบในวงกว้างมากกว่าที่คาดคิด ชั้นดินอ่อนในกรุงเทพฯ สามารถขยายแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการก่อสร้างหนาแน่น ยิ่งไปกว่านั้น ความหนาแน่นของอาคารสูงในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างคำถามว่า หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีกครั้ง อาคารสูงเหล่านี้จะสามารถรับมือได้หรือไม่

การตระหนักถึงความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากโครงสร้างของอาคารบางแห่งอาจไม่ได้รับการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับการดูแลและบำรุงรักษาอาคารที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อโครงสร้างอาคารและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการประเมินความปลอดภัยของอาคารอย่างสม่ำเสมอ และยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในกรุงเทพฯ

ทำไมดินในกรุงเทพฯ ถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว?

  • ดินชั้นบนที่อ่อนตัว: แผ่นดินที่ตั้งของกรุงเทพฯ เป็นดินเกิดใหม่ ปัจจุบันตั้งอยู่บนชั้นดินเหนียวที่อ่อนตัว ซึ่งมีคุณสมบัติในการขยายแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวให้รุนแรงขึ้นเมื่อแรงสั่นสะเทือนผ่านชั้นดินนี้ นอกจากนี้ ชั้นดินดังกล่าวยังทำให้การสั่นสะเทือนคงอยู่ได้นานขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอาคารในพื้นที่
  • ความหนาแน่นของอาคารสูง: ในกรุงเทพฯ มีจำนวนอาคารสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยลักษณะของพื้นที่เมืองที่มีการเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าอาคารใหม่หลายแห่งจะได้รับการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนอยู่แล้ว แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคารบางส่วนที่อาจไม่ได้ผ่านการออกแบบหรือปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานแผ่นดินไหว
  • มาตรฐานการก่อสร้างในอดีต: อาคารเก่าหลายแห่งในกรุงเทพฯ ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศไทยยังไม่ได้มีการบังคับใช้มาตรฐานการก่อสร้างต้านแผ่นดินไหว ทำให้อาคารเหล่านี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในกรณีที่เกิดแรงสั่นสะเทือน นอกจากนี้ การบำรุงรักษาที่ไม่สม่ำเสมออาจยิ่งเพิ่มความเปราะบางของโครงสร้างเหล่านี้ในระยะยาว

2. ประเมินเบื้องต้นจากผลกระทบแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจไทย

  • SCB EIC ประเมิน (ณ 1 เมษายน 2025) แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2025 มีผลกระทบเบื้องต้นต่อเศรษฐกิจไทยจำกัดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยผลกระทบจะกระจุกตัวอยู่ในภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจก่อสร้าง แต่ยังต้องติดตามการฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะต่อไป
  • ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเร็วในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศไทย หลังข่าวแผ่นดินไหวได้แพร่กระจายออกไปทั่วโลก โดยประเมินในกรณีฐานว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะปรับลดลง 4 แสนคน ภายใต้สมมติฐานผลกระทบจะรุนแรงในเดือนเมษายน และจะใช้เวลาฟื้นตัวให้กลับมาเติบโตได้ตามปกติราว 3 เดือน จากการยกเลิกทริปในระยะสั้นที่สถานการณ์จะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์
  • ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จะได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ที่กำลังจะโอนหรือซื้อ โดยอาจชะลอการโอนหรือซื้อออกไป ซึ่งจะทำให้หน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมหดตัว รวมถึงการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้จะหดตัวต่อเนื่อง
  • การก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่หยุดชะงัก ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง ทั้งนี้ ความสามารถในการรองรับภัยพิบัติของสิ่งปลูกสร้าง จะเป็นปัจจัยที่ผู้ว่าจ้างให้ความสำคัญ รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่การเข้าประมูล การก่อสร้าง จนถึงขั้นตอนตรวจรับงาน ส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมา
  • ในภาพรวม ผลต่อเศรษฐกิจยังอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงเพิ่มเติมไปกว่านี้ ดังนั้น ภาครัฐต้องรีบให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนเรียกความเชื่อมั่นของสาธารณะกลับมาด้วยการเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างเป็นระบบ พัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที พร้อมทั้งการสื่อสารที่ชัดเจนรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทำงานเป็นองค์รวม

ประเมินเบื้องต้นจากผลกระทบแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจไทย

3. ผลกระทบต่อตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ

แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ราคาคอนโดฯ ความต้องการซื้อและลงทุน รวมถึงความมั่นใจของผู้บริโภค โดยราคาคอนโดฯ อาจมีการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานในตลาด ความต้องการซื้อและลงทุนอาจลดลงในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนและผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะที่ความมั่นใจของผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในอาคารสูงอาจลดลง โดยเฉพาะหากไม่มีมาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยที่ชัดเจนจากผู้พัฒนาโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

3.1 ราคาคอนโดฯ และความต้องการซื้อลดลง

  • จากรายงานของ Bangkok Post พบว่ายอดขายคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 คาดว่าจะต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อประเมินความปลอดภัยของโครงการใหม่ และพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน
  • อาคารสูงที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ต้องเผชิญกับความท้าทายในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งแก้ไขเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ
  • นักลงทุนรายใหญ่หลายรายเริ่มชะลอการลงทุนในโครงการที่ยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งทำให้ตลาดคอนโดฯ ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
  • นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับสูงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคและนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์

3.2 ผลักดันยอดขายบ้านแนวราบเพิ่มขึ้น

ในขณะที่ตลาดคอนโดฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น บ้านแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองว่ามีความปลอดภัยกว่าในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว อีกทั้งบ้านแนวราบยังตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รองรับการทำงานที่บ้านหรือกิจกรรมครอบครัว เช่น การจัดสวน หรือการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนหันมาสนใจบ้านแนวราบมากขึ้นในปัจจุบัน

3.3 การฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด

ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงอาคารที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้มั่นใจว่าอาคารมีมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กำหนด นอกจากนี้ การสื่อสารอย่างโปร่งใสกับผู้บริโภคเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เช่น การติดตั้งระบบตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม หรือการใช้วัสดุที่ทนทานและผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล จะช่วยฟื้นฟูความไว้วางใจในตลาด และสร้างความสบายใจให้กับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนในระยะยาว

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจาก Colliers Thailand กล่าวว่า “ผู้บริโภคต้องการความมั่นใจในคุณภาพการก่อสร้างและมาตรการรองรับภัยพิบัติ” ซึ่งส่งสัญญาณชัดเจนว่าผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการนี้ โดยการนำมาตรฐานใหม่เข้ามาใช้และสร้างความโปร่งใสในกระบวนการก่อสร้าง

นอกจากนี้ ภัทรชัยยังเสริมว่า การเพิ่มความโปร่งใสนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภค แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโดยรวม การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ เทคนิคก่อสร้าง รวมถึงการประเมินความเสี่ยงอย่างโปร่งใส จะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้นและส่งเสริมให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ได้รับความสนใจในระยะยาว

4. ผลกระทบต่อความคุ้มค่าในการลงทุนคอนโดหลังแผ่นดินไหว

การวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนคอนโดฯ หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นหัวข้อที่สำคัญ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งมีการพัฒนาโครงการคอนโดฯ จำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านความเสี่ยงทางกายภาพ ความนิยมของทำเล และความเสถียรของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว

4.1 ความเสี่ยงทางกายภาพของคอนโดฯ หลังแผ่นดินไหว

  • ความทนทานของโครงสร้างอาคาร: อาคารที่ถูกออกแบบมาไม่ดีหรือสร้างขึ้นโดยไม่มีการคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยจากแผ่นดินไหวอาจประสบปัญหาจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างหรือล้มเหลวจากแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียทั้งในแง่ของความปลอดภัยและมูลค่าทรัพย์สิน
  • การประเมินความเสี่ยงในทำเล: ทำเลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากแผ่นดินไหว เช่น พื้นที่ใกล้รอยเลื่อนหรือบริเวณที่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนในคอนโดในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว ซึ่งจะมีมูลค่าทรัพย์สินที่มั่นคงและปลอดภัยกว่าในระยะยาว
  • ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเสริมความปลอดภัย: สำหรับคอนโดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอาจต้องมีการซ่อมแซมหรือเสริมความแข็งแรงของอาคาร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องคำนึงถึงเมื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว

4.2 ความนิยมของทำเล (Location)

  • ทำเลที่มีความเสี่ยงสูง: พื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งเกิดแผ่นดินไหวหรือพื้นที่ที่อยู่ในแนวรอยเลื่อนอาจสูญเสียความนิยมจากนักลงทุนหรือผู้ซื้อที่ต้องการความมั่นคงและความปลอดภัย ดังนั้น คอนโดฯ ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความเสี่ยงสูงอาจมีความเสี่ยงในการลดมูลค่าทรัพย์สินลงไปอย่างรวดเร็ว
  • ทำเลที่มีความปลอดภัยสูง: ในทางกลับกัน ทำเลที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีการออกแบบและการก่อสร้างที่มุ่งเน้นความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว จะยังคงมีความน่าสนใจในตลาด เนื่องจากผู้ซื้อและนักลงทุนมองหาโครงการที่ให้ความปลอดภัยสูง ซึ่งจะช่วยรักษามูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว
  • การเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เกี่ยวข้องกับทำเล: เหตุการณ์แผ่นดินไหวอาจทำให้การพัฒนาสาธารณูปโภคในบางพื้นที่ล่าช้าหรือไม่พัฒนาไปตามแผน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทำเลนั้น และทำให้มูลค่าของคอนโดในพื้นที่นั้นลดลง

4.3 ความเสถียรของตลาดอสังหาริมทรัพย์

การประเมิน ความเสถียรของตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากแผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงอย่างมาก เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกิดความผันผวน ซึ่งสามารถพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • การเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และอุปทาน: หลังแผ่นดินไหว ตลาดอาจเผชิญกับความไม่แน่นอนในเรื่องอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งอาจทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในบางพื้นที่ปรับตัวลง และทำให้การลงทุนในคอนโดฯ ไม่คุ้มค่าหรือเสี่ยงเกินไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: แผ่นดินไหวอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยหรือมีความเสี่ยงสูง ซึ่งทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมีความไม่มั่นคงในระยะสั้น
  • นโยบายการก่อสร้างและการพัฒนา: การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลังจากแผ่นดินไหว เช่น การปรับเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง อาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลต่อมูลค่าของการลงทุนในโครงการคอนโด

4.4 แนวทางการปรับตัวและการลงทุนในคอนโดหลังแผ่นดินไหว

  • การเลือกลงทุนในโครงการที่มีมาตรฐานการก่อสร้างที่ดี: การเลือกโครงการที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานความปลอดภัยจากแผ่นดินไหวจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
  • การเลือกทำเลที่มีความเสี่ยงต่ำ: ลงทุนในคอนโดที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความเสี่ยงต่ำจากแผ่นดินไหว เช่น ย่านที่ไม่อยู่ใกล้รอยเลื่อนหรือพื้นที่ที่มีการประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติต่ำ
  • การลงทุนในโครงการที่มีการประกันภัยภัยธรรมชาติ: โครงการที่มีการเสนอประกันภัยภัยธรรมชาติให้กับเจ้าของห้องพักจะช่วยให้ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียทรัพย์สินในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว

การวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุนในคอนโดหลังแผ่นดินไหวต้องพิจารณาหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งความเสี่ยงทางกายภาพ ความนิยมของทำเล และความเสถียรของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการประเมินมูลค่าและความเสี่ยงในการลงทุนในระยะยาว นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเลือกโครงการที่มีการออกแบบที่ดีและตั้งอยู่ในทำเลที่มีความปลอดภัยสูง รวมทั้งคำนึงถึงปัจจัยด้านการประกันภัยและความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวเพื่อรักษามูลค่าการลงทุนในอนาคต

5. กฎเกณฑ์ด้านความปลอดภัยและมาตรฐานอาคาร

จากข้อมูลของ SCB EIC เผยว่า หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออาคารจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การกำหนดมาตรการและแนวทางในการรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอนาคต

5.1 มาตรการที่กำลังดำเนินการ

การตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างเป็นระบบ

  • หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบความมั่นคงของอาคาร เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายเพิ่มเติม
  • อาคารที่ได้รับผลกระทบรุนแรงต้องผ่านการประเมินจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญก่อนอนุญาตให้ใช้งานต่อได้​

มาตรฐานการก่อสร้างและวัสดุที่ได้มาตรฐาน

  • มีการกำหนดให้ใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพสูงขึ้น และควบคุมมาตรฐานการก่อสร้างให้เข้มงวดกว่าเดิม
  • ผู้ว่าจ้างมีความเข้มงวดในการตรวจรับงานก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้รับเหมาต้องแข่งขันกันด้านคุณภาพ​

มาตรการเยียวยาและความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

  • มีการเสนอให้สถาบันการเงินออกสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และมีมาตรการพักชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงินของประชาชน
  • ภาครัฐเร่งจัดสรรงบประมาณสำหรับฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว​

5.2 แนวโน้มในอนาคต

ความเข้มงวดของกฎระเบียบ

  • ภาคก่อสร้างจะต้องเผชิญกับมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ที่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมา ทั้งหลักและช่วง
  • ขั้นตอนการก่อสร้างจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย และใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้รับการรับรอง
  • ขั้นตอนตรวจรับงานจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทั้งในแง่ของความตรงเวลาและคุณภาพของงานที่ส่งมอบ​

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

  • การเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น อาจทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น
  • มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวมคาดว่าจะเติบโตชะลอลง โดยเฉพาะในโครงการที่ต้องการรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ​

ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุน

  • ประชาชนและนักลงทุนอาจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น หากมาตรการควบคุมและมาตรฐานอาคารสามารถรับมือกับแผ่นดินไหวและภัยธรรมชาติอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ

5.3 ความสำคัญของการประกันภัย

อาคารสูงในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอาคารที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ควรได้รับการประกันภัยที่ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของผู้พักอาศัยและลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น อัคคีภัย แผ่นดินไหว หรือพายุฝน นับเป็นหัวข้อสำคัญที่ได้รับการพูดถึงมากขึ้นในหมู่นักพัฒนาโครงการ ผู้จัดการอาคาร และผู้พักอาศัย การมีประกันภัยที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องทรัพย์สินของอาคาร แต่ยังช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องในระยะยาวอีกด้วย

ผลกระทบต่อความคุ้มค่าในการลงทุนคอนโดหลังแผ่นดินไหว

6. แนวโน้มในอนาคตและคำแนะนำสำหรับนักลงทุน

แม้ว่าผลกระทบของแผ่นดินไหวในระยะสั้นอาจเป็นเชิงลบต่อตลาดคอนโดฯ แต่ในระยะยาว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ยังคงมีโอกาสเติบโต หากผู้พัฒนาโครงการสามารถปรับตัวและสร้างความเชื่อมั่นได้อีกครั้ง เนื่องจากผู้คนต้องการอยู่อาศัยในพื้นที่ที่สะดวกสบาย คล่องตัว ไลฟ์สไตล์คนเมือง ติดรถไฟฟ้า ซึ่งพื้นที่ในส่วนตรงนี้จะมีมูลค่าที่สูง ทำให้การที่จะปลูกบ้านต้องใช้เงินจำนวนมาก ทำให้คอนโดฯ ยังตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของผู้คน แต่ต้องพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการในด้านความปลอดภัยและคุณภาพอาคารด้วย เพราะผู้คนอาจหันมาให้ความสำคัญกับโครงการที่มีมาตรฐานการก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงการออกแบบที่รองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติอย่างรอบด้าน

  • โอกาสสำหรับนักลงทุน: ตลาดคอนโดฯ ยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการที่สามารถยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยของโครงสร้างและการก่อสร้างได้อย่างชัดเจน นักลงทุนอาจเลือกเน้นไปที่โครงการที่มีผู้พัฒนาเชื่อถือได้หรือมีประวัติการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ
  • การฟื้นตัวของตลาด: แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากความกังวลในระยะสั้น แต่มีแนวโน้มที่จะแสดงการฟื้นตัวเมื่อผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นในมาตรฐานอาคารที่สูงขึ้น ผู้พัฒนาโครงการอาจต้องเน้นให้ความสำคัญกับการโปรโมตมาตรการความปลอดภัย รวมถึงการมีเอกสารการตรวจสอบโครงสร้างจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างความไว้วางใจ
  • ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้อง: ความเปลี่ยนแปลงในตลาดอาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ เช่น การให้บริการตรวจสอบอาคารหลังเกิดภัยพิบัติ บริการนี้อาจได้รับความนิยมจากทั้งผู้พัฒนาโครงการและผู้บริโภคที่ต้องการความมั่นใจในการลงทุน นอกจากนี้ บริการหรือแพ็คเกจประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยพิบัติอาจกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอนาคต

ในขณะเดียวกัน ผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุนควรติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและมาตรฐานอาคาร เพื่อปรับตัวและพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคในยุคใหม่

7. เตรียมพร้อมก่อนการลงทุน

  • ใบรับรองมาตรฐานต้านแผ่นดินไหวของอาคาร ตรวจสอบว่าอาคารมีใบรับรองมาตรฐานที่ยืนยันถึงความสามารถในการต้านแผ่นดินไหว เพื่อรับประกันความปลอดภัยของอาคารในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว หรือผลกระทบจากการก่อสร้างในพื้นที่ใกล้เคียง
  • ข้อมูลประกันภัยความเสียหายของอาคาร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาคารมีการประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหาย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินของคุณในระยะยาว
  • ประวัติการตรวจสอบและบำรุงรักษาอาคาร อาคารที่มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องย่อมสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีมาตรฐาน ซึ่งไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคาร แต่ยังช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การรั่วซึมหรือโครงสร้างที่เสื่อมสภาพ
  • ความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมาและชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการอย่างละเอียด เช่น ประวัติการส่งมอบโครงการที่ผ่านมา การออกแบบงานก่อสร้าง หรือรีวิวจากผู้ที่เคยอยู่อาศัยในโครงการก่อนหน้านี้ เพื่อมั่นใจว่าโครงการจะสร้างเสร็จตรงตามที่สัญญาไว้และมีคุณภาพตามมาตรฐาน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ พิจารณาสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่สำหรับทำงานร่วมกัน (Co-working space) ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด และพื้นที่จอดรถที่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัย แต่ยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการในระยะยาวอีกด้วย
  • ศักยภาพการเติบโตของทำเลที่ตั้ง ค้นคว้าและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตอย่างละเอียด เช่น การสร้างโครงข่ายคมนาคมใหม่ เช่น รถไฟฟ้าสายใหม่ ถนนตัดใหม่ หรือทางด่วนเพิ่มเติม การก่อสร้างศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่างโรงพยาบาล โรงเรียน หรือสวนสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อมูลค่าและความน่าสนใจของคอนโดในระยะยาว ทำให้การลงทุนมีโอกาสเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมและการรับมือกับภัยธรรมชาติในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในอาคารสูงไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายและทำเลที่ตั้ง แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมาตรฐานการก่อสร้างที่สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะยาว การปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาและบังคับใช้มาตรฐานการก่อสร้างที่ทันสมัยและสามารถรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยอย่างโปร่งใส และทำการปรับปรุงหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับผลกระทบเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ

สำหรับนักลงทุนและผู้บริโภคที่กำลังพิจารณาการลงทุนในคอนโดฯ ควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ รวมถึงการเลือกโครงการที่มีการออกแบบและมาตรฐานการก่อสร้างที่ตอบโจทย์ความปลอดภัย โดยการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสภาพอาคารและความเสถียรของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้การลงทุนในระยะยาวมีความคุ้มค่าและปลอดภัยยิ่งขึ้น

การปรับตัวของตลาดคอนโดมิเนียมหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนี้อาจทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ซึ่งจะมุ่งเน้นที่การสร้างความปลอดภัยและความยั่งยืนในทุกด้าน เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต

| ค้นหาบ้าน คอนโด ในกรุงเทพฯ ได้ที่ Nestopa.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิธีรับมือแผ่นดินไหวในบ้านได้อย่างปลอดภัย
เช็คห้องก่อนโอน ปลอดภัยทุกดีลคอนโด
มาตรการธนาคารช่วยเหลือแผ่นดินไหว พักหนี้ ลดดอก
ไม่พลาดสิทธิ์! เช็คความคุ้มครองประกันแผ่นดินไหว พร้อมวิธีเคลมให้ได้เงินไว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: bangkokpost, ลงทุนแมน, SCB EIC

Titirat
Titirat Prakobkhaothong ผู้เขียน
Content Creator and SEO Specialist

I specialize in creating compelling real estate content, combining industry expertise with a passion for storytelling. Skilled in crafting SEO-optimized, engaging materials, I focus on connecting with audiences and delivering valuable insights that inform and inspire.

สนใจลงข่าวสาร บน nestopa.com
อสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพ ปริมณฑล
Nestopa