เผยแพร่ใน ข่าวอสังหาริมทรัพย์

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดพอร์ต 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 33,000 ล้านบาท

วันที่เผยแพร่: 29 ส.ค. 2024 เวลา 10:20

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดพอร์ต 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 33,000 ล้านบาท 7 เดือนแรกได้ผลตอบรับดี ตุน Presale กว่า 8,000 ล้านบาท ชี้พื้นที่ศักยภาพ “พร้อมพงษ์ - เจริญกรุง – กรุงเทพกรีฑา” เตรียมขยายโครงการเพิ่ม

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) ขยายผลศักยภาพ การดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 33,000 ล้านบาท 7 เดือนแรก สร้างยอด Presale กว่า 8,000 ล้านบาท พบตลาดลักชูรียังมี Real Demand สูง พร้อมขยายพื้นที่พัฒนาบนทำเล “พร้อมพงษ์ - เจริญกรุง – กรุงเทพกรีฑา” เดินหน้าผนึกพันธมิตร 3 กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ประกอบด้วย “MORI TRUST” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท และอีก 2 กลุ่มทุน อยู่ระหว่างการเจรจา คาดปิดดีล      ไม่เกินสิ้นปี ย้ำศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการแนวราบ ในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2567 และโครงการคอนโดมิเนียมช่วงต้นปี พ.ศ. 2568

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นับเป็นผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นด้วยจุดยืนสู่การเป็น Lifescape Developer โดยเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรี ด้วยแนวคิด Craft & Quality ที่สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเข้าใจรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าระดับบนตั้งแต่กลุ่ม High-end จนถึง Ultra-Luxury ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างและบริหารการขายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา ทั้งสิ้น 13 โครงการ  ได้แก่ โครงการแนวสูง ภายใต้แบรนด์ MUNIQ, MARU, MAVISTA, MARQUIS และ METRIS สำหรับโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ MALTON, MILFORD และ MAYFIELD รวมถึงโครงการ TEN & ONLY ที่มีจำนวนเพียง 10 หลังเท่านั้น  โดยใน 7 เดือนแรกของปี ได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นในแบรนด์จากกลุ่มลูกค้า ทำให้มี Presale แล้วกว่า 8.000 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการระดับ Luxury จนถึง Ultra-Luxury จากแบรนด์ MUNIQ, MAVISTA  และ METRIS ทั้งนี้ สำหรับโครงการ METRIS DISTRICT LADPHRAO จะเริ่มรับรู้รายได้จากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตามแผนการโอนในปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป และ ในปี พ.ศ. 2570 – 2572 จะรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ Presale ของการร่วมทุนโครงการ MUNIQ พร้อมพงษ์, MUNIQ เจริญกรุง และ MAVISTA พร้อมพงษ์ ร่วมมูลค่าโครงการประมาณกว่า 12,000 ล้านบาท และส่วนสำหรับโครงการ MARU จุฬาฯ และ MARQUIS พญาไท ซึ่งเป็นโครงการไฮไลทของปีนี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดขายในไตรมาสที่ 3 – 4 ของปีนี้”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง พบว่ายังมี Real Demand อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้น บริษัทฯ จึงทำการศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ ประกอบกับการค้นหาพื้นที่ศักยภาพและปัจจัยบวกส่งเสริม เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์และดีไซน์ ที่อยู่อาศัยพร้อมมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ยั่งยืนเหนือกว่าใคร โดยพบว่า บนทำเล พร้อมพงษ์ - เจริญกรุง - กรุงเทพกรีฑา นับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีสูง และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่ โดยมุ่งเป้าหมายสู่การยกระดับโครงการผ่านการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทฯ ที่มีมุมมองตรงกัน และมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมร่วมทุนกับบริษัทกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น 3 กลุ่ม ได้แก่ MORI TRUST ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในมหานครโตเกียว โดยจะดำเนินการพัฒนาโครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 (Malton Gates Krungthep Kreetha II) มูลค่าโครงการประมาณ 2,100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายในช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 และอยู่ระหว่างการดำนินการเจรจาในรายละเอียดธุรกิจ อีก 2 กลุ่ม โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้

“การที่บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก เกิดจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Diversify Revenue ที่ทำให้พอร์ตของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนในการพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น สร้างบาลานซ์ รายได้ให้มีความสม่ำเสมอ รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งจากการที่มีพันธมิตรในการร่วมทุนพัฒนาโครงการกับบริษัท ทำให้มั่นใจถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัทที่พร้อมจะก้าว

ไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง นอกจากนี้ ยังสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มเติมมากขึ้นจากโครงการแนวราบในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2567 และโครงการคอนโดมิเนียมจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เป็นไปตามเป้าหมายในการบาลานซ์พอร์ตธุรกิจ การพัฒนาโครงการ และสัดส่วนรายได้ที่มาจากโครงการคอนโดมิเนียม 60% และโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 40%  รวมถึงรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจให้เช่าอาคารพาณิชย์ และรายได้จากโรงแรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น” คุณเพชรลดา กล่าวสรุป  

ชมโครงการจากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คลิกที่นี่

#MajorDevelopment  #Lifescape #CraftQuality #PetFamilyResidences #MajorPetFamily

Naipaporn
Naipaporn Janbang ผู้เขียน
ผู้เชี่ยวชาญทรัพย์สินหรูหรา

Experienced content creator specializing in social media marketing, with a focus on the property market. Also, an SEO content specialist with over three years of experience in property marketing. Proficient in leveraging various digital channels to maximize brand exposure and drive engagement.

majordevelopment เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ PetFamilyResidences MajorPetFamily เมเจอร์
Nestopa

ติดตามข่าวสาร

มุ่งมั่นในการพัฒนาสตาร์ทอัพไทย

ลงทะเบียนโดยกรมการพัฒนาธุรกิจการค้าประเทศไทย
สนับสนุนโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน