เผยแพร่ใน ข่าวอสังหาริมทรัพย์

ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2567-2568

ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2567-2568

โดย ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธร

ในปี 2567 ที่ผ่านมา สิ่งที่โจษจันกันอื้ออึงเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยก็คือ ยอดขายถล่มทลาย แต่ในทางลดลงไม่ใช่เพิ่มขึ้น  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขยอดสัญญาของ 10 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ตามประมาณการอยู่ที่ราว 246,000 ล้านบาท หรือ ลดจากปีที่แล้วที่ราว 272,000 ล้านบาท เพียงไม่ถึง 10% หรือ ที่ 9.5% เท่านั้น  ตลาดโจษจันกันต่อไปว่า สถาบันการเงินต่างปฏิเสธการให้สินเชื่อผ่อนชำระที่อยู่อาศัย แต่ความเป็นจริงคือ ยอดสินเชื่อผ่อนชำระที่อยู่อาศัยที่ปล่อยใหม่ในปี 2567 ก็ลดลงราว 8% ซึ่งก็สอดคล้องกัน  ความแปรผันระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ดังกล่าวมาข้างต้นอาจมีบ้างแต่เป็นผลสืบเนื่องจาก random effects สถิติต่าง ๆ ข้างต้นให้แสดงไว้ในตารางที่ 1  เมื่อดูจากยอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ที่สูงขึ้นถึงระดับ 440,000 ล้านในปี 2565 แล้ว คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า สินเชื่อผ่อนชำระที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ยอดขายที่อยู่อาศัยทั้งเป็นจำนวนเงินและจำนวนหน่วยขึ้นถึงระดับสูงสุดในช่วง 4-5 ปีมานี้

สำหรับตัวเลขประมาณการจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่ขายได้ในช่วงปี 2567 นั้นใกล้เคียงกับปี 2563 ที่เกิดการระบาดของโควิด 19 อย่างกะทันหันและรุนแรง  ประมาณการนี้อยู่บนฐานของข้อมูล 3 ไตรมาส แต่ภาวะการขายน่าจะมีการฟื้นตัวในช่วงปลายปี  ตัวแปรอีกตัวที่เกี่ยวข้องกับการขายคือ % ของ total supply ที่ขายได้ ซึ่งก็ลดลงตั้งแต่ปี 2561 ที่ 38% จนเหลือในปี 2567 ที่เพียง 24%  นี่คือ % ที่ขายได้จากสินค้าทั้งหมดที่นำเสนอซึ่งมีทั้งสินค้าค้างมาจากปีก่อนหน้าและสินค้าที่เปิดขายใหม่ในปี 2567  %การขายจากสินค้าเปิดขายใหม่ก็มีแนวโน้มลดลงในลักษณะใกล้เคียงกัน  สถิติ %ขายอาจจะมีการโยงกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งก็มีอัตราขยายตัวในระดับต่ำมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้ว  ดังนั้น ผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจต่อ %การขายจึงไม่น่าจะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ  แต่ปัจจัยสำคัญที่ควรจะกล่าวถึงคือเบื้องหลังที่สนับสนุนกำลังซื้อ  นั่นก็คือ %NPLของสินเชื่อผ่อนชำระที่อยู่อาศัย  เมื่อ %NPL สูงขึ้น สถาบันการเงินก็จะระมัดระวังและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่  จำนวนผู้บริโภคที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออาจจะมีจำนวนน้อยลง ทำให้ %ขายได้น้อยลงด้วย  แล้ว NPL มาจากไหน ก็ต้องบอกว่ามาจากภาวะรายได้ที่ไม่พอกับรายจ่ายซึ่งใช้เพื่อผ่อนชำระ  ส่วนผู้ที่กำลังผ่อนชำระอยู่แล้วก็อาจผิดนัด  ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ผ่อนก็คงจะมีกำลังซื้อไม่พอหรือไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อ

รูปที่ 1 แสดงการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร %NPL กับ % รายได้ ปรากฏว่า %ขายได้ มีความสัมพันธ์กับ %NPL สูงถึง 75 % และ %NPLเพิ่มขึ้น 1 หน่วยเปอร์เซนต์จะลด %ขายได้ภึง 2.6 หน่วย%  ถ้าหาก % NPL ลดลง 10 หน่วยเปอร์เซนต์ %ขายได้จะอยู่ที่ระดับเกือบ ๆ 50 %  ดังนั้นตลาดที่อยู่อาศัยจะอยู่ในภาวะที่แข็งแรงได้ก็ต้องมาจาก การดูแลคุณภาพสินเชื่อของสถาบันการเงินที่จะต้องไม่ปล่อยสินเชื่อเพียงเพื่อแข่งขันกันเชิงปริมาณ  นอกจากนี้ %NPL ไม่ได้เพิ่มขึ้นทันทีทันใดจึงเป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่สถาบันการเงินและธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถจะควบคุมดูแลได้  

เมื่อพิจารณาถึงอนาคต ภาวะเศรษฐกิจไทยน่าจะยังคงขยายตัวในอัตราต่ำอย่างที่ผ่านมาต่อไป  โอกาสเดียวที่อาจดีขึ้นคือ การลงทุนจากจีนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2568. ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเล็กน้อยอาจจะทำให้ยอดขายที่อยู่อาศัยอย่างดีที่สุดกลับไปสู่ระดับ 100,000 หน่วยต่อปี ซึ่งก็น่าจะสอดคล้องกับ %NPL ที่น่าจะกลับไปสู่ระดับ 17 % ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา  แต่ที่จะหวังให้เกินกว่า 100,000 หน่วยคงเป็นไปได้ยากมาก

Naipaporn
Naipaporn Janbang ผู้เขียน
Property Content Specialist

Experienced content creator specializing in social media marketing, with a focus on the property market. Also, an SEO content specialist with over three years of experience in property marketing. Proficient in leveraging various digital channels to maximize brand exposure and drive engagement.

สนใจลงข่าวสาร บน nestopa.com
Nestopa