การลงทุนในคอนโดเพื่อปล่อยเช่าเป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่ได้รับความนิยม แต่การเลือกคอนโดที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย หากเลือกผิดอาจทำให้ปล่อยเช่ายากและได้ผลตอบแทนต่ำ ดังนั้น จึงต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้มั่นใจว่าคอนโดที่ซื้อนั้นจะสามารถสร้างรายได้ให้เราได้อย่างต่อเนื่อง บทความนี้ Nestopa จะพามาแนะนำปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกคอนโดเพื่อปล่อยเช่า

Content
- ทำเลเป็นหัวใจสำคัญ
- ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
- พื้นที่ส่วนกลางตอบโจทย์การใช้ชีวิต
- เลือกขนาดห้องให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
- เลือกตกแต่งห้องให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
- คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
- เปรียบเทียบกับตลาดเช่าในพื้นที่
How to เลือกคอนโดให้ปล่อยเช่าง่าย
1. ทำเลเป็นหัวใจสำคัญ
ทำเลเป็นปัจจัยแรกที่ผู้เช่าพิจารณา ควรเลือกคอนโดที่อยู่ในย่านที่มีความต้องการเช่าสูง เช่น ใกล้รถไฟฟ้า (BTS, MRT), แหล่งงาน, มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาล หรือห้างสรรพสินค้า ทำเลที่ดีช่วยให้ปล่อยเช่าได้ง่ายขึ้นและสามารถตั้งราคาค่าเช่าในอัตราที่สูงขึ้นได้
ทำเลที่น่าสนใจสำหรับการปล่อยเช่า ได้แก่:
-
ย่านธุรกิจ (CBD) เช่น เพลินจิต สีลม สาทร อโศก เหมาะกับนักธุรกิจหรือชาวต่างชาติที่ทำงานในกรุงเทพฯ
-
ย่านมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล เกษตรศาสตร์ ที่มีความต้องการเช่าสูงจากนักศึกษาและอาจารย์
-
ย่านอุตสาหกรรม เช่น บางนา ลาดกระบัง ที่มีกลุ่มพนักงานและชาวต่างชาติที่มาทำงานต้องการเช่าคอนโด
-
ย่านท่องเที่ยว เช่น สุขุมวิท ทองหล่อ อารีย์ ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติ

2. ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
นอกจากความสะดวกในการเดินทางแล้ว คอนโดควรตอบโจทย์ความคุ้มค่าและสะดวกสบายสำหรับผู้เช่าด้วยการตั้งอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างราบรื่น
สิ่งอำนวยความสะดวกในละแวกคอนโดที่ควรมี ได้แก่:
- ตลาดและร้านสะดวกซื้อ: การมีตลาดหรือร้านสะดวกซื้อใกล้คอนโดช่วยให้ผู้เช่าสามารถซื้อของชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก มีความสะดวกในการจัดหาวัตถุดิบและสิ่งของที่ต้องการในทุกวัน
- ซุปเปอร์มาร์เก็ต: การมีซุปเปอร์มาร์เก็ตในพื้นที่ใกล้เคียงช่วยให้ผู้เช่าสามารถเข้าถึงสินค้าครบวงจรและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไกล
- ห้างสรรพสินค้า: คอนโดที่ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังหรือมีหลายร้านค้าชั้นนำสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เช่าและเพิ่มความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งได้
- โรงพยาบาล: ทำเลที่ใกล้โรงพยาบาลเป็นปัจจัยที่สำคัญในกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้เช่ามีความมั่นใจและสบายใจในเรื่องของสุขภาพ
- โรงเรียน: คอนโดที่อยู่ใกล้โรงเรียนมีความสำคัญสำหรับครอบครัว ช่วยให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองมีความสะดวกสบายในการเข้าร่วมกิจกรรมการศึกษา

3. พื้นที่ส่วนกลางตอบโจทย์การใช้ชีวิต
ผู้เช่าส่วนใหญ่มักมองหาคอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และที่จอดรถ หากคอนโดมีสิ่งเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าและสามารถตั้งค่าเช่าสูงขึ้นได้
- ฟิตเนส: ห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ที่ครบครันเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะผู้เช่าสามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องออกไปนอกคอนโด
- สระว่ายน้ำ: การมีสระว่ายน้ำในคอนโดช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการออกกำลังกายและการพักผ่อน ซึ่งมีผลในการดึงดูดผู้เช่าที่ต้องการความสดชื่นและบรรยากาศที่ดี
- พื้นที่จอดรถ: ต้องมีพื้นที่จอดรถที่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะในปัจจุบันปัญหาที่พบบ่อยที่สุด คือ ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้เช่าตัดสินใจได้
- ห้องประชุม: การมีห้องประชุมที่ให้บริการในคอนโดช่วยให้ผู้เช่าสามารถจัดการประชุมหรือกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างสะดวก
- ระบบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง: กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
| เลือกคอนโด เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ได้ที่ Nestopa.com

4. เลือกขนาดห้องให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
ขนาดห้องเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการปล่อยเช่า โดยทั่วไปแล้ว ห้องสตูดิโอและห้อง 1 ห้องนอนเป็นที่ต้องการสูงที่สุด เนื่องจากค่าเช่าไม่สูงเกินไปและเหมาะกับคนโสดหรือคู่รัก
เลือกขนาดห้องให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย:
-
สตูดิโอ (25-30 ตร.ม.) – เหมาะกับนักศึกษาและคนโสด ค่าเช่าถูกและปล่อยเช่าง่าย
-
1 ห้องนอน (30-45 ตร.ม.) – เหมาะกับคู่รักหรือพนักงานออฟฟิศ
-
2 ห้องนอน (50-70 ตร.ม.) – เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กหรือผู้ที่ต้องการแชร์ค่าเช่า
-
3 ห้องนอนขึ้นไป – เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่หรือกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่าแบบรายวัน
*Tips ห้องที่ปล่อยเช่ายาก: ห้องติดกับลิฟต์, ห้องติดกับบันไดหนีไฟ, ห้องติดกับห้องทิ้งขยะ

5. เลือกตกแต่งห้องให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
ห้องที่ตกแต่งพร้อมอยู่มักปล่อยเช่าได้ง่ายกว่าห้องเปล่า ผู้เช่าส่วนใหญ่มักมองหาห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ เช่น เตียง ตู้เสื้อผ้า โซฟา โต๊ะทำงาน ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ตกแต่งห้องเพื่อดึงดูดผู้เช่า:
-
ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัยและใช้งานได้จริง
-
เลือกโทนสีที่เป็นกลาง เช่น ขาว เทา ครีม เพื่อให้ดูเรียบหรู
-
เพิ่มของตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ผ้าม่าน พรม โคมไฟ เพื่อให้ห้องดูอบอุ่น

6. คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า ควรคำนวณผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental Yield) เพื่อดูว่าการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ โดยปกติแล้ว Rental Yield ที่ดีควรอยู่ที่ 4-6% ต่อปีขึ้นไป
| สูตรคำนวณ Rental Yield: (ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี * 100)/ ราคาคอนโดที่ซื้อมา
ตัวอย่างการคำนวณ:
-
ราคาคอนโด = 3,000,000 บาท
-
ค่าเช่าต่อเดือน = 15,000 บาท
-
ค่าเช่ารายปี = 15,000 × 12 = 180,000 บาท
-
Rental Yield = (180,000 / 3,000,000) × 100 = 6%
ถ้าได้ Rental Yield ต่ำกว่า 4% อาจต้องพิจารณาทำเลหรือค่าเช่าใหม่
| อ่านเพิ่มเติมสำหรับ วิธีคิดผลตอบแทนปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม

7. เปรียบเทียบกับตลาดเช่าในพื้นที่
ก่อนซื้อคอนโด ควรศึกษาราคาค่าเช่าในพื้นที่เดียวกันเพื่อให้สามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้ ควรเช็คว่าคอนโดที่อยู่ใกล้เคียงมีค่าเช่าเฉลี่ยเท่าไร และมีอัตราการปล่อยเช่าสูงหรือต่ำ นอกจากนี้ การลงประกาศขาย/ เช่าคอนโดในเว็บไซต์ ยังเป็นผลดีให้คอนโดของเราปล่อยเช่าง่ายอีกด้วย
แหล่งข้อมูลที่ใช้เปรียบเทียบค่าเช่า:
-
เว็บไซต์ประกาศเช่าคอนโด เช่น Nestopa, DDproperty, LivingInsider
-
กลุ่ม Facebook หรือ Line ที่เกี่ยวข้องกับตลาดเช่า
-
ข้อมูลจากตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
| อ่านเพิ่มเติมสำหรับ เว็บไซต์อสังหาฯ ที่นิยมทั้งไทย - ต่างชาติ

การเลือกคอนโดเพื่อปล่อยเช่าไม่ใช่เพียงแค่การซื้อห้องในทำเลที่ดี แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง ความสะดวกสบายของสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ส่วนกลาง ขนาดและการตกแต่งห้อง ไปจนถึงการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) การศึกษาและเปรียบเทียบตลาดเช่าในพื้นที่ยังช่วยให้คุณสามารถตั้งราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้
หากต้องการปล่อยเช่าคอนโดให้ได้ง่ายและสร้างผลตอบแทนที่ดี ควรเลือกคอนโดที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และจัดการด้านการตลาดให้มีประสิทธิภาพ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนระยะยาว การวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าและมีรายได้แบบ Passive Income อย่างมั่นคงในอนาคต
ลงประกาศขายคอนโดฟรี สมัครเลย